Page 132 - 001
P. 132

121


                          รามาคุปต์ (Rama Gupta) ดังที่กล่าวไปแล้วว่ารามาคุปต์ได้ปรากฏพระนามขึ้นในงาน

                   เขียนบางชิ้น โดยชี้ให้เห็นว่า พระองค์เป็นโอรสและผู้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากพระเจ้าสมุทร
                   คุปต์ แต่ในขณะที่ทำสงครามกับพวกศกะนั้น พระองค์ได้ยอมจำนนและยกมเหสีของพระองค์ซึ่ง
                   มีพระนามว่าธรุวเทวี (Dhruvadevi) ให้แก่พวกศกะ แต่พระอนุชาของพระองค์ คือ จันทรคุปต์

                   ไม่เห็นด้วยในการกระทำอันน่าอดสูนี้ จึงบุกเข้าไปสังหารราชาแห่งศกะแล้วชิงองค์พระมเหสีของ
                   พระเชษฐาคืนมา หลังจากนั้นจึงปลงพระชนม์ชีพพระเชษฐาแล้วทรงอภิเษกสมรสกับพระนาง

                   ธรุวเทวี แล้วตั้งองค์เป็นกษัตริย์สืบต่อมา
                          แม้เรื่องราวข้างต้นจะปรากฏอยู่ในงานเขียนบางฉบับ แต่ไม่มีหลักฐานทาง
                                                   ิ
                   ประวัติศาสตร์ชิ้นใดที่จะสามารถพสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริงเลย บันทึกที่มีอายุอยู่ในช่วงเวลา
                   เดียวกันกลับไม่มีการอ้างถึงรามาคุปต์ ซึ่งเป็นนัยยะที่สำคัญว่าจันทรคุปต์เป็นผู้สืบสันตติวงศ์
                   ต่อมา อย่างไรก็ดี มีความพยายามอธิบายเรื่องดังกล่าวไว้ถึง ความเป็นไปได้มากที่สุดเกี่ยวกับ

                   เรื่องของรามาคุปต์คือ หลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าสมุทรคุปต์ พระองค์อาจจะเสด็จมาจาก
                   ทางด้านตะวันตกของอาณาจักร มีการต่อสู้กันในช่วงสั้นๆ แล้วพระองค์จึงถูกจันทรคุปต์สังหาร
                   ในที่สุด

                          จันทรคุปต์ที่ 2 (Chandra Gupta II) ครองราชย์ราว พ.ศ. 923-958 (ค.ศ.380-413)
                   ทรงเป็นพระโอรสของพระเจ้าสมุทรคุปต์ที่ประสูติกับพระอัครมเหสีทัตตะเทวี (Dattadevi)

                   บางครั้งพระองค์ถูกเรียกว่าเทวะคุปต์บ้าง เทวะราชาบ้าง หรือเทวะศรีบ้าง นักวิชาการบางท่าน
                   เชื่อว่าพระองค์เป็นคนเดียวกับวิกรมาทิตย์แห่งอุชเชนี (Vikramaditya of Ujjayini) ในตำนาน
                   ของอินเดีย จันทรคุปต์ที่ 2 ได้สืบทอดความเป็นนักรบต่อจากพระราชบิดา ซึ่งนอกจากพระองค์

                                                                                ิ่
                   จะรับช่วงอาณาจักรอันยิ่งใหญ่มาแล้ว พระองค์ยังขยายอาณาเขตเพมด้วยวิธีทางการทูตและ
                   การสงคราม คู่ต่อสู้หลักๆของพระองค์คือ พวกศกะที่ครองคุชราตและกะเธียวาร์ (Kathiawar)

                   ทางตะวันตกอยู่ในขณะนั้น เมื่ออาณาจักรของศกะอ่อนแอลงเพราะปัญหาภายใน พระองค์ได้ใช้
                   โอกาสนี้บุกเข้าทำลายเมืองและสังหารกษัตริย์ของศกะที่ทรงพระนามว่ารุทรสิงห์ที่ 3
                   (Rudrasimha III) และผนวกพื้นที่เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรคุปตะ เป็นอันปิดฉากอิทธิพลจาก

                                                  4
                   ต่างชาติในอินเดียที่มีมากว่า 300 ปี
                          การขยายอาณาเขตไปทางตะวันตกจรดทะเลอาระเบียเช่นนี้ นอกจากจะสามารถกำจัด

                   อิทธิพลจากต่างชาติได้แล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้อาณาจักรคุปตะสามารถติดต่อกับโลก
                                                                                          ิ่
                   ตะวันตกได้ทางตรงผ่านความสัมพนธ์ทางการค้า เมืองท่าและสถานีการค้าที่เพมขึ้นในแถบคุ
                                                  ั
                   ชราตและกะเธียวาร์นำพาความมั่งคั่งมาสู่อาณาจักรอย่างมากมาย ในสมัยนี้พระองค์ย้ายเมือง
                   หลวงจากเมืองปาฏลีบุตรไปอยู่ที่เมืองอโยธยา ทรงครอบครองพนที่ของอินเดียเหนือทั้งหมด
                                                                             ื้
                   ดังนั้น จึงทรงแบ่งจักรวรรดิออกเป็นมณฑล เพื่อสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง

                          จันทรคุปต์ที่ 2 ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งของสถานะพระองค์เองด้วยนโยบายการ
                   แต่งงานระหว่างพนธมิตร ตัวพระองค์เองอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงกุเวรนาคา (Kuveranaga)
                                   ั
                   แห่งตระกูลนาคา แล้วให้พระราชธิดาที่เกิดจากพระมารดาตระกูลนาคาพระนามว่าประภาวตี



                          4  R.C. Majumdar. (1977). Ancient India. Delhi: Motilal Banarsidass Publ., p. 234.
   127   128   129   130   131   132   133   134   135   136   137