Page 90 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์

68

1
การบ่งชี้ของอายะฮ์ คือ คําตรัส ﭼ ﮰ ﭽ อ่านว่า “เคาะลฺฟุ” เป็นคําอาการนาม
ซึ่งเจตนารมณ์ความหมายของอายะฮ์ หมายถึง ผู้สืบทอดมาภายหลัง (al-Baghawiy, 1420: 2/243 ;
Ἰbn Kathīr, 1999 : 3/498).
คําว่า“เคาะลัฟ”เชิงภาษาคือ หลัง ข้างหลัง ภายหลัง ศตวรรษหลัง คําพูดที่ไม่ดี ลูก
ที่ชั่วช้า สิ่งแลกเปลี่ยน สิ่งทดแทน พลั่วที่ใช้แกะสลักไม้ ขวานใหญ่ สิ่งที่ไม่มีความดีกับมัน ผู้ที่ไม่มี

ความดีกับเขา ผู้สืบช่วงต่อ ชนรุ่นหลัง และผู้มาภายหลัง อาจจะเป็นเวลา อุปกรณ์ สิ่งของ คําพูด
บุคคล หรือกลุ่มชน

ข. ความหมายเชิงวิชาการ

บรรดาอุละมาอ์ทางอะกีดะฮ์ ได้ให้ความหมายของ “เคาะลัฟ”ทางวิชาการดังนี้
เคาะลัฟ หมายถึง บรรดาอุละมาอ์จํานวนมากในระดับแกนนําที่ได้รับการยอมรับ

ซึ่งเป็นอุละมาอ์ในด้านฟิกฮฺ ฮะดีษ อุศูลุดดีนและอื่น ๆ ซึ่งมีชีวิตอยู่หลังสามศตวรรษแรกของอิสลาม

อุละมาอ์เหล่านี้มีทัศนะต่ออายะฮ์และฮะดีษที่เกียวกับคุณลักษญะของอัลลอฮ์ว่าจําเป็นต้องมีการ
ตีความอย่างละเอียด (Ἰbn Jamā„ah, 1990 : 40).

เคาะลัฟ หมายถึง ผู้ที่เอนไป (เฉออก) จากแนวทางของท่านนะบีมุฮัมมัด  และ

เศาะฮาบะฮ์ของท่านในเรื่องอะกีดะฮ์จากพวกบิดอะฮ์ (อุตริ) และปฏิบัติตามอารมณ์เช่น เคาะวาริจญ์
รอฟิเฎาะฮ์และพวกอะฮฺลิลกะลามที่นําเอาความคิดเหนือกว่าหลังฐานจากอัลกุรอานและอัลฮะดีษ

เช่น ญะฮฺมิยยะฮ์ มุอฺตะซิละฮ์ อะชาอิเราะฮ์ เกาะดะริยะฮ์ มุรญิอะฮ์ และนอกอื่นจากพวกเขา
(al-Jibrīn, 1424: 11).
เคาะลัฟ หมายถึง บรรดาอุละมาอ์ กะลาม กล่าวคือ ผู้ที่นําเอาความคิดของเขา

เหนือกว่าอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ์ซึ่งมีชีวิตอยู่หลังจากศตวรรษที่ดีที่สุด พวกเขาคือ กลุ่มมุอฺตะซิละฮ ์
และอัชอะรียะฮ์ที่ปฏิบัติตามแนวทางญะฮฺมิยยะฮ์ (Muhammad bin „Abd al-Razāq, 2005 : 40).

เคาะลัฟ อาจหมายถึง อุละมาอ์กลุ่มหนึ่งซึ่งมีชีวิตอยู่หลังสามศตวรรษแรกของ
อิสลามที่นําใช้หลักการตรรกวิทยาในการอธิบายอายะฮ์และฮะดีษที่เกี่ยวกับคุณลักษณะของอัลลอฮ์

 ที่มีความหมายเป็นนัย โดยการตีความอายะฮ์และฮะดีษดังกล่าวให้เหมาะสมกับคุณลักษณะอัน

สูงส่งของอัลลอฮ์ 

)
( خ
1
คําว่า“เคาะลฺฟุ” فٍ ل ในรูปของอาการนามมีปรากฏอยู่ใน 22 อายะฮ์ด้วยกันคือ อายะฮ์ที่ 66 ในสูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์, อายะฮ์
ى ه
ที่ 255 ในสูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์, อายะฮ์ที่ 170 ในสูเราะฮ์อาละอิมรอน, อายะฮ์ที่ 9 ในสูเราะฮ์อันนิสาอ์, อายะฮ์ที่ 17 ในสูเราะฮ์
อัลอะอฺรอฟ, อายะฮ์ที่ 129 ในสูเราะฮ์อัลอะอฺรอฟ, อายะฮ์ที่ 57 ในสูเราะฮ์อัลอันฟาล, อายะฮ์ที่ 92 ในสูเราะฮ์ยูนุส, อายะฮ์ที่ 11 ใน
สูเราะฮ์อัรรุอฺดฺ, อายะฮ์ที่ 59 ในสูเราะฮ์มัรยัม, อายะฮ์ที่ 64 ในสูเราะฮ์มัรยัม, อายะฮ์ที่ 110 ในสูเราะฮ์ฏอฮา,อายะฮ์ที่ 28 ในสูเราะฮ์
อัลอัมบิยาอ์, อายะฮ์ที่ 76 ในสูเราะฮ์อัลหัจญ์, อายะฮ์ที่ 9 ในสูเราะฮ์สะบะอ์, อายะฮ์ที่ 9 ในสูเราะฮ์ยาสีน, อายะฮ์ที่ 45 ในสูเราะฮ์
ยาสีน, อายะฮ์ที่ 14 ในสูเราะฮ์ฟุศศิลัต, อายะฮ์ที่ 25 ในสูเราะฮ์ฟุศศิลัต, อายะฮ์ที่ 42 ในสูเราะฮ์ฟุศศิลัต, อายะฮ์ที่ 21 ในสูเราะฮ์
อัลอะหฺกอฟ และอายะฮ์ที่ 27 ในสูเราะฮ์อัลญินนฺ