Page 86 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์
P. 86

64







                                     2.1.6.5   มุอฺตะซิละฮ
                                                       ์
                                     มุอฺตะซิละฮเป็นกลุ่มศาสนาที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีความสัมพันธ์กับการเมืองแตกต่างกับ
                                               ์
                       กลุ่มชีอะฮ์และเคาะวาริจญ์ที่มีบทบาทสําคัญในด้านการเมือง เช่น มีการพูดในเรื่องของอิมาม เงื่อนไข
                       ของอิมามและอื่น ๆ (Hasan Ἰbrāhīm, 1959 : 2/156).

                                     อุละมาอ์ได้มีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสาเหตุของการตั้งชื่อนี้ขึ้นมาใช้ แต่ที่ มี
                                                                                                      2
                                                        1
                       ชื่อเสียงคือ เนื่องจาก วาศิล เบ็น อะตออ  ได้มีความขัดแย้งกับอาจารย์ของเขาอัลอะสันอัลบัศรีย์  ใน
                                                        ์
                       ป๎ญหาของมุอ์มินที่ได้กระทําบาปใหญ่ คนนั้นยังเป็นมุอ์มินอีกหรือไม่ ?  วาศิล  มองว่า หากได้เหมือน
                       บุคคลนี้ก็ไม่สามารถที่จะเรียกว่าเป็นกาฟิร (ผู้ปฏิเสธ) ได้ แต่ในตรงกันข้ามเป็นสิ่งจําเป็นกับเขาต้องอยู่
                       อีกที่ตําแหน่งหนึ่ง คือ ฟาสิกฺ  (ผู้ฝ่าฝืน)  ซึ่งมิใช่มุอ์มินและกาฟิร และได้ย้ายออกไปไกลจากมัสยิด

                       อัลฮะสัน อัลบัศรีย์ได้กล่าวกับบรรดาผู้ที่อยู่รอบๆ เขาว่า วาศิลได้ออกจากฉัน และจากนั้นมาผู้ต่อต้าน

                       วาศิลได้เรียกกับวาศิลและผู้ รวมกับเขาว่า มุอฺตะซิละฮ์ ซึ่งแปลว่า ผู้ที่ห่างไกล  (al-Shahrastāniy,
                       1976 : 1/48 ; al-Safārīniy, 1982 : 1/72, 364).
                                     มีนักวิชาการมองกับทัศนะนี้ว่าเป็นทัศนะที่อ่อน (เฎาะอีฟ) ด้วยสาเหตุดังนี้คือ
                                                                                               ์
                         1            )  เพราะการย้ายของวาศิลหรืออัมรู เบ็น อุบัยด จาก  ฮะละเกาะฮ  (การชุมนุม
                       เป็นวงกลม) ในมัสยิดไปที่อื่นนั้น   ไม่ใช่เป็น ประเด็นสําคัญที่ถูกต้องที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นชื่อกลุ่ม

                               ์
                       (ฟิรเกาะฮ)
                         2            )  มีสายรายงานที่แตกต่างกันในเรื่องของการแยกย้าย

                                     3)  เพราะว่าชื่อ มุอฺตะซิละฮ์ เป็นชื่อของมัซฮับหรือทัศนะที่มีอุดมการณ์ ไม่ใช่

                       เฉพาะการแยกออกจากสถานหนึ่งไปยังอีกสถานหนึ่งเท่านั้น (Ἀhmad Ἀmīn, 1959 : 288-289).
                                     อย่างไรก็ตามพวกมุอฺตะซิละฮ์เองก็ไม่ยอมรับกับชื่อนี้ พวกขาจะเรียกชื่อกับตัวเองว่า

                       อะฮฺลุตเตาฮีด วัลอัดลฺ เพราะพวกเขามีความเข้าใจว่าการปฏิเสธคุณลักษณะต่างๆ นั้น คือ อัตเตาฮีด

                       และมีความเข้าใจว่าการปฏิเสธอัลเกาะดัรนั้น คือ อัลอัดลฺ (ความยุติธรรม) ของอัลลอฮ์ 
                                                                                                ์
                                     นับว่ามุอฺตะซิละฮ์สืบทอดมาจากเกาะดะริ  ยยะฮ์และญะฮฺมิ ยยะฮ  เพราะใน
                       มุอฺตะซิละฮ์ได้ปรากฏร่องรอยเจือปนของทั้งสองอยู่ และด้วยเหตุนี้ทําให้ส่วนใหญ่เรียกชื่อ มุอฺตะซิละฮ ์
                       ด้วยเกาะดะริยยะฮ์ เพราะพวกเขาสอดคล้องกับเกาะดะริยยะฮ์ที่เชื่อว่ามนุษย์นั้นมีความสามารถที่จะ

                       กระทําด้วยตนเองอย่างโดดเดียวและอิสระจากอัลลอฮ ์     และจะเรียกชื่อมุอฺตะซิละฮ์ด้วย

                       ญะฮฺมิยยะฮ์ เพราะพวกเขาจะสอดคล้องกับญะฮฺมิยฺยะฮ์ในเรื่องของการปฏิเสธคุณลักษณะต่าง ๆ





                       1
                        ท่านมีชื่อเต็มว่า วาศิล เบ็น อะฏออ์ อัลฆัซซาล อะบู ฮุษัยฟะฮ์ เป็นแกนนํามุอฺตะซิละฮ์ เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 131 (al-Zirikliy, 2002 :
                        8/108).
                       2
                        ท่านมีชื่อเต็มว่า อะบู สะอีด อัลฮะสัน เบ็น อะบี อัลฮะสัน ยะสาร อัลบัศรียฺ เป็นตาบิอีน เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 110 Abū Qāsim, n.d.:
                                                                                             (
                        727 ; Ἰbn Khalikān, 1900 : 2/69).
   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91