Page 353 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์
P. 353
331
อีมานเป็นส่วนหนึ่งของอะกีดะฮ์ครอบคลุมทั้งคําพูด การกระทําและการศรัทธา มัน
เป็นรากฐานที่สําคัญในการขับเคลื่อนหรือผลักดันให้เกิดพลังแห่งการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมไม่ว่าจะด้วย
คําพูด การปฏิบัติ และการประพฤติตลอดจนการเจตนา
4.12.3 การเป็นมุสลิมต้องกล่าวชะฮาดะตัยน
1
ผู้แต่งได้กล่าวถึงการเป็นมุสลิมต้องกล่าวชะฮาดะตัยนว่า
٧ب طضؽ حعٛٗب ٌٝق تان تٜا ٠راٗؽ ١ًُن اٚر ٔغر ـخٛػَ ؼٛٗب ) ِلهٚأ ٣ٛٗتن " (
لٝكتح ػتا ٕايما زؾ ٍاُن طضؽ ئاي وَ ٘ياجٖ وَ اٛد اْٝر ِهس ٌ٦ع ٔنٛن٫ضؾر
حٖزٝي ٔغر تٜا ١ًُن اٚر ٔغر ٣أ تانضب راٝت ٕار حٝتاٖ ٔغر ٣أ ٕاعسا فاٝغغضب وَ
ًٛهد ٢ ايرهع ٔغر ٣أ ٘يارأ ٕار تٜا ينهَزػٜ حٝ٦ب ماؿتا فاتت خصاهْا ٕصان راٝت
ػؿي ؼٜ َٔ٪َ ئاي وَ ٣أ ٘٦تضت راٝت ٣ادغْ تٜا ينهَزػٜ ٔنا خازؾصر تٛتٓتر
٠ضؿع اْٝر لمارر ّ٬عا ِهس ٌ٦ع حغتا ٔنٛن٫ضؾر راٝت فاتت ىصاْ لمارر ٌهن زؾصر
اهغؾر ٕار حًٓٗبسم ٔناَ ٍ٬س ٕار ّاَا ٣زد حص ٕار ّ٬عا ؼٝغصٚا ٔغر ٜٔٛٗنضب
ٌٝق تان ٕار حٖطآد ػتا ٔهػٝٗبسمر ٕار ينًُغلما ضباكَ زؾ نماتر ٕار ًِغَ خصاٚ ٘يٚأ
زؾصر ٤ظد تاع ٌٝق تان ٕار ٕايما حص زؾ طضؽ تٜا ١ًُن اٚر ٔغر ـخٛػَ ؼٛٗب
" ٌُع ٕار ٍٛق تٜا ٕايما ؼٛٗب ٕصان ٕايما ١كٝكس
แปลว่า “พึงทราบเถิด แท้จริงการกล่าวกับสองกะลิมะฮ์ชะฮาดะฮ์นั้นได้มีการกล่าว
ว่าแท้จริงมันเป็นเงื่อนไขสําหรับการดําเนินบรรดาหุก่มของดุนยาเท่านั้น คือเป็น
เงื่อนไขของการสมบูรณ์อีมานตามทัศนะที่ถูกต้อง ผู้ใดที่ยอมรับด้วยใจของเขาและ
ไม่กล่าวกับสองกะลิมะฮ์ ชะฮาดะฮ์ด้วยลิ้นโดยที่เขาไม่ได้ปฏิเสธ แต่เขาเห็นชอบด้วย
กับสิ่งเหล่านั้น และหากถูกใช้กับสิ่งเหล่านั้นแน่นอนเขาไม่ปฏิเสธ กล่าวคือ เขาเป็น
มุอ์มินที่พ้นจากการเข้านรกตลอดกาลแต่ไม่มีการดําเนินบรรดา ฮุกุ่มอิสลามให้กับ
เขาในโลก เช่น การแต่งงานกับคนมุสลิม และสามารถเป็นอีมามได้ และฮะลาล กิน
การเชือดของเขา และสามารถรับมรดกโดยญาติมุสลิม และฝ๎งศพที่ กุโบร์ต่าง ๆ
ของมุสลิมได้ และละหมาดให้กับศพของเขา และได้มีการกล่าวว่า แท้จริงการกล่าว
กับกะลิมะฮ์นั้นเป็นเงื่อนไขของการถูกต้องอีมาน และได้มีการกล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่ง
จากแกนแท้ของอีมาน เนื่องจากว่าอีมานนั้นคือ การกล่าวและการปฏิบัติ”
การอธิบายของผู้แต่งเกี่ยวกับการกล่าวชะฮาดะตัยนของการเป็นมุสลิมข้างต้นไม่ต่าง
กับการอธิบายของอะลีย์ อัลมุอัคค๊อร („Aliy al-Mu‟akhkhar, n.d. : 24) กล่าวคือ
1 Tuan Mināl, n.d. : 118.