Page 68 - 032
P. 68
48
็
ิ
็
ความต้องการจ าเปนสามารถจ าแนกเปนสองประเภทคือ นยามตามโมเดลความ
แตกต่าง (Discrepancy Model) เปนการนยามในลักษณะ " Need " เปนค านามในภาษาอังกฤษ
็
็
ิ
ั
็
็
ึ
่
ึ
แปลว่า "ความต้องการจ าเปน " ซงสะท้อนให้เหนถงสภาวะความขาดแคลนและท าให้เกิดปญหา
(Problem) แต่โมเดลการแก้ปญหาเปนการนยามในลักษณะที่ " Need " เปนค ากรยาในภาษาอังกฤษ
็
ิ
ิ
ั
็
ึ
็
แปลว่า "ต้องการ" หรอ "มความต้องการจ าเปน " ซงเปนแนวทางแก้ปญหา (Solution) หรอส่งท ี่
่
ื
็
ี
ั
ื
ิ
จ าเปนต้องท าให้เกิดเพื่อท าให้สภาวะที่ไม่น่าพอใจหมดไป
็
ุ
ุ
ุ
ดังนั้นสรปได้ว่า ความต้องการเปนส่งทมอยู่ในมนษย์และทกสังคมของมนษย์
ี
ี่
ุ
ิ
็
ิ
ี่
ี่
ื
องค์ประกอบ บรบท และพื้นฐานต่างๆทไม่เหมอนกันทเกิดขึ้นกับคนหรอในสังคม ท าให้ความ
ื
ุ
ี
ต้องการของแต่ละบคคลมความแตกต่างกัน แต่ส าหรบความต้องการขั้นพื้นฐาน เช่น อาหาร น ้า
ั
ี่
ั
ี่
ุ
ี่
อากาศ ทอยู่อาศัย และยารกษาโรคเปนส่งทมนษย์ขาดไม่ได้ซงถอเปนความต้องการทส าคัญและ
ื
็
ิ
็
ึ
่
ี
จ าเปนต่อมนษย์ทกคน นอกจากน้ยังมความต้องการจ าเปนอย่างอนทมความส าคัญต่อการพัฒนา
ี่
็
ี
ี
ื่
ุ
็
ุ
ั
็
ึ
ุ
ุ
คณภาพชวิต และจิตวิญญาณของมนษย์เช่น ความต้องการได้รบการเข้าถงการศกษา เปนต้น ส่วน
ี
ึ
ั
ี
ี่
ื่
ื่
ั
ความต้องการอนที่นอกเหนอจากนั้นเช่น ชอเสยง การได้รบการยอมรบ ความสัมพันธ์ทดระหว่าง
ี
ื
ึ
ี
็
บุคคล เปนต้น เหล่านั้นเปนองค์ประกอบส่วนหนงในการด ารงชวิตของมนษย์ในแต่ละคนเท่านั้น
่
ุ
็
2.5 แนวคิดเกี่ยวกับชุมชนมุสลิม
็
ประเทศไทยมประชากรทั้งประเทศที่นับถอศาสนาอสลามมากเปนอันดับ 2 รอง
ี
ื
ิ
จากผู้นับถอศาสนาพุทธ ผู้ทนับถอศาสนาอสลามส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ื
ี่
ื
ิ
ิ
ุ
ี
ุ
ิ
ั
ได้แก่ ปตตาน ยะลา นราธวาส สตูลและสงขลา นอกจากนั้น พบว่ามชมชนมสลมกระจัดกระจาย
ี
ิ
อยู่เกือบทุกจังหวัด แต่อย่างไรก็ด ชาวมสลมล้วนมอัตลักษณร่วมกัน ไม่เฉพาะเรองการปฏบัตตาม
์
ื่
ี
ิ
ิ
ี
ุ
ุ
็
ู
่
ู
ึ
ี
ี
ี
ิ
หลักการศาสนา แต่ชาวมสลมยังมวิถการใช้ชวิตร่วมกันเปนหม่บ้านเปนชมชนซงในแต่ละหม่บ้าน
ุ
็
็
ู
ุ
ึ
ู
็
แต่ละชมชนจะมมัสยิดหรอสเหร่าเปนศนย์กลางของชมชน มัสยิดจงถอเปนสถาบันศนย์รวมจตใจ
ี
ื
ื
ิ
ุ
ุ
็
ของชาวมสลมที่ต้องไปประกอบศาสนกิจร่วมกันเปนที่ละหมาด ศึกษาอัลกุรอาน รวมทั้งเปนที่เรยน
ี
็
ิ
ุ
ื
็
ิ
หนังสอของเยาวชนรวมทั้งผู้ใหญ่ และอน ๆ แต่ละชมชนมอหม่ามซงโดยทั่วไปเปนผู้ทชาวบ้าน
ุ
ี
ี่
ึ
ื่
่
ุ
ื
ู
เลอกขึ้นตามหลักการของศาสนาอสลามที่ใช้กันทั่วโลกมาเปนผู้น าหม่บ้านหรอชมชนนั้น
็
ิ
ื
อนชา หวังภัคด ( 2553) ช้ให้เหนว่า ลักษณะของชมชนมสลมที่มอัตลักษณบาง
ี
์
ุ
ุ
ิ
็
ี
ุ
ี
ุ
ประการแตกต่างกับชมชนศาสนกอนๆ เนองด้วยพื้นฐานการรวมตัวของชมชนมสลมเกิดขึ้นมาด้วย
ื่
ื่
ุ
ุ
ิ
ิ
ุ
กับค าสอนของศาสนาอสลามเปนส าคัญ ดังนั้นชมชนมสลมเกิดขึ้นมาจากการทผู้ปฏณานตนว่า
ุ
ิ
็
ี่
ิ
ิ
็
ู
็
ฺ
“อัลลอฮคือพระผู้เปนเจ้าและท่านนบีมฮัมมัด (ซ.ล.) เปนรอซ้ล (ศาสนทูต) ของพระองค์” มารวมตัว
ู