Page 66 - 032
P. 66
46
ี่
็
ึ
เปนการให้ความส าคัญกับการศกษาผลต่างของสภาพทเกิดขึ้นจรงกับสภาพท ี่
ิ
็
็
ิ
ี
ี
พึงประสงค์ การก าหนดความต้องการจ าเปนในนัยยะแรกน้ แม้จะมการนยามความต้องการจ าเปน
ุ
ิ
ี
็
ุ
ตามความแตกต่าง แต่นักวิชาการก็ยังมมมมองที่จ าแนกได้ออกเปนสองกล่ม ได้แก่ การนยามความ
ิ
ี่
็
ี่
ต้องการจ าเปนตามมตของความแตกต่างระหว่างสภาพทเปนอยู่และสภาพทควรจะเปน นัยยะน้ ี
็
็
ิ
็
็
ิ
ี่
นยามความต้องการจ าเปนตามมติของความแตกต่างระหว่างสภาพทเปนอยู่และสภาพที่ควรจะเปน
ิ
็
ิ
็
นัยยะที่สองคล้ายคลงกับนัยยะแรกอยู่บ้างตรงที่เน้นการนยามความต้องการจ าเปนตามมตของความ
ิ
ึ
ิ
ิ
็
็
แตกต่างระหว่างสภาพที่เปนจรงกับสภาพที่ควรจะเปนเช่นกัน แต่เพิ่มมติของสภาวะความเสยหายท ี่
ิ
ี
ี่
็
ึ
่
เกิดขึ้นตามมา หากความขาดแคลนทเกิดขึ้นไม่ได้รบการตอบสนอง ซงสามารถแบ่งออกเปน 2
ั
ี
ประการย่อย ดังต่อไปน้
1. มมมองในมติที่แตกต่าง
ุ
ิ
ิ
ี
ึ
ุ
Trimby (1979 อ้างถงใน สวิมล ว่องวานช, 2548) ได้เปรยบเทียบโมเดลการ
ิ
็
ประเมนความต้องการจ าเปนของนักวิชาการไว้ 2 โมเดล ได้แก่ Kuafman’s Model of Needs
Assessement และ Harlees’s Front-end Analysis ในแต่ละโมเดลมการให้นยามของความต้องการ
ี
ิ
จ าเปนสอดคล้องกัน คือ นยามความแตกต่าง (Discrepancy) ยกเว้นโมเดลของ Harlees ที่นยามใน
ิ
ิ
็
ู
์
ั
็
ึ
ี
ิ
ิ
รปของปญหา (Problems) ที่เกิดขึ้น ซงท าให้สภาพที่เปนอยู่ไม่สมบูรณไม่มประสทธผล จ าเปนต้อง
่
็
หาทางแก้ไข
Kuafman และ English (1981 อ้างถงใน สวิมล ว่องวานช, 2548) ช้ให้เหน
ึ
ุ
ี
ิ
็
็
ี่
็
ื่
ั
็
ื
ุ
ี่
ิ
ว่าความต้องการจ าเปน ถอเปนความขัดแย้งระหว่างส่งทเปนอยู่ในปจจบันและสงทปราถนาจะให้
เกิดขึ้นหรปรารถนาให้เกิดขึ้น ในทางเดยวกัน Witkin (1984 อ้างถงใน สวิมล ว่องวานช, 2548) ก็
ุ
ึ
ี
ิ
ื
็
ี่
ิ
นยามว่าความต้องการจ าเปนหมายถง ความแตกต่างหรอช่องว่าง (Gap) ระหว่างส่งทเปนอยู่ หรอ
ื
ิ
ึ
ื
็
ื
สภาพที่เกิดขึ้นในปจจุบัน กับส่งที่ควรจะเปนหรอสภาพที่พึงปรารถนาด้วย
ิ
ั
็
2. มมมองในมติความแตกต่างและมติและมติความเสยหายที่เกิดขึ้น
ิ
ุ
ี
ิ
ิ
Scriven และ Roth (1968 อ้างถงใน สวิมล ว่องวานช, 2548) กล่าวว่า
ึ
ิ
ุ
ิ
needs หมายถง ช่องว่างระหว่างความจรงกับความพึงพอใจ โดยยกตัวอย่างว่า ถ้าเขียนประโยคว่า
ึ
ื
ี
ี่
A needs X หมายความว่า ถ้าไม่ม x แล้ว A จะอยู่ไม่ได้ หรอ ถ้าอยู่ได้ก็ต้องอยู่ในสภาวะทไม่น่าพึง
ี
็
็
ี
ิ
พอใจ แสดงว่า x มอทธพลต่อA ท าให้ A ได้รับประโยชน์ในที่น้ X จึงเปนความต้องการจ าเปน แนว
ิ
ี่
ี
ิ
ี่
็
ทางการอธบายเช่นน้ท าให้เหนว่า ความแตกต่างทเกิดขึ้นระหว่างสภาพทเปนอยู่จรงกับสภาพทพึง
็
ิ
ี่
ี่
ี
ึ
ั
พอใจต้องมมากถงระดับทท าให้เกิดปญหาตามมาได้ ดังนั้น หากความแตกต่างใดยังไม่รนแรง
ุ
ี่
ึ
ี่
ี่
ี
พอทจะท าให้ประสบภาวะทไม่น่าพอใจความแตกต่างนั้นยังไม่ถงขั้นทจะเรยกว่าความต้องการ
จ าเปนนั่นเอง
็