Page 47 - 026
P. 47
47
ตัดสินใจทราบทางเลือกต่างๆ และทราบถึงผลที่เกิดขึ้นของแต่ละทางเลือกอย่างดีด้วย การตัดสินใจ
ดังกล่าวย่อมมีโอกาสถูกต้องมากที่สุด
ความส าคัญและเงื่อนไขของการวินิจฉัยประเด็นศาสนาในทัศนะอิสลาม (อิสมาอีล
ลุตฟี จะปะกียา, มปป)
เป็นที่ทราบกันดีว่า อิสลามเป็นวิถีชีวิตที่ครอบคลุมและมีความบริบูรณ์ในทุกด้าน
ของมนุษย์ อิสลามได้ก าหนดบทบัญญัติในประเด็นต่างๆ ที่เป็นความต้องการของมนุษย์โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อให้มนุษย์ สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างสมเกียรติในฐานะบ่าว ผู้น้อมภักดีของ
อัลลอฮฺ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคนที่จะต้องได้รับความกระจ่างในข้อปลีกย่อยของศาสน
บัญญัติ พร้อมประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงอย่างสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของอิสลามที่แท้จริงและเหมาะสม
กับศักยภาพและก าลังความสามารถของมนุษย์ไม่ว่าในระดับปัจเจกบุคคลหรือสังคมโดยรวม
อัลลอฮฺทรงสร้างสรรพสิ่งตามกฎสภาวะดั้งเดิมบนพื้นฐานของเหตุผลและกฎกติกาที่
แน่นอน พระองค์ทรงเรียกร้องและเชิญชวนมนุษย์ให้รู้จักใช้สติปัญญาในการท าความเข้าใจกฎสภาวะ
ดั้งเดิมและกฎกติกาดังกล่าว ด้วยการใช้วิจารณญาณ หลักการสังเคราะห์และวิเคราะห์ ศึกษาวิจัย
การใช้หลักฐานและเหตุผลบนหลักการของความรู้และวิทยาการ
ด้วยเหตุดังกล่าว อิสลามจึงตระหนักและให้ความส าคัญกับการวินิจฉัยในประเด็น
ศาสนา (ฟัตวา) อิสลามถือว่า “ฟัตวา” เป็นเงื่อนไขส าคัญที่อัลลอฮฺทรงประกาศให้การรับรองอิสลาม
ว่าเป็นศาสนาสุดท้ายส าหรับมนุษยชาติ และเป็นศาสนาที่เคียงคู่กับมนุษย์ตราบจนวันกียามะฮฺ (วันสิ้น
โลก)
ฟัตวา หมายถึง การให้ความกระจ่างในสาระที่เกี่ยวข้องกับศาสนบัญญัติ ผู้ให้การ
ฟัตวา คือ ผู้ที่ชี้แจงศาสนบัญญัติของอัลลอฮฺ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือผู้ที่ได้รับฉันทานุมัติให้ลงนาม
แทนอัลลอฮฺในการท าหน้าที่ชี้แจงบทบัญญัติและข้อกฎหมายต่างๆ ในอิสลาม
บทบัญญัติว่าด้วยการฟัตวา
1. เป็นฟัรดูอีน (บังคับส าหรับบุคคลเป็นการเฉพาะ) ส าหรับผู้มีหน้าที่ให้การฟัตวา
(มุฟตี) ในกรณีที่ไม่มีใครท าหน้าที่ให้การฟัตวาร่วมกับเขา
2. เป็นฟัรดูกิฟายะฮฺ (บังคับส าหรับกลุ่มคนเท่านั้น หากคนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่
ถือเป็นการเพียงพอแล้ว) ในกรณีที่มีมุฟตีมีจ านวน 2 คน ขึ้นไป
3. เป็นมันดูบ (ส่งเสริมให้ฟัตวา / ไม่ถึงขั้นบังคับ) ในกรณีที่เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น
แต่มีการฟัตวาล่วงหน้าว่าหากเหตุการณ์สมมุติเกิดขึ้น จะมีข้อวินิจฉัยทางศาสนาอย่างไร
4. หะรอม (มีความผิดและเป็นบาป) ในกรณีที่มุฟตีเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือ
เป็นคนที่ไม่รู้จริงในประเด็นที่ให้การวินิจฉัย