Page 35 - 025
P. 35

35







                                                                      ั
                       มั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติได้ จึงตราพระราชบัญญตินี้ขึ้น แต่เมื่อพิจารณาสภาพของปอเนาะ
                                       ั
                                                      ์
                                             ี
                       ตามพระราชบัญญติโรงเรยนราษฎร พ.ศ.  2461  ฉบับนี้แล้ว พบว่า เป็นโรงเรยนที่ตั้งผิดตาม
                                                                                            ี
                       พระราชบัญญติ แต่เนื่องจากปอเนาะมีเป็นจ านวนมากจึงมีการผ่อนผันการประกาศใช้
                                    ั
                                         ี
                                   ั
                                                 ์
                                                                                         ื
                                                                                               ี
                                                                                     ่
                                                                ั
                                                                              ี
                       พระราชบัญญติโรงเรยนราษฎร พ.ศ. 2461 ส าหรบปอเนาะ โรงเรยนสุเหรา หรอโรงเรยนตามบ้าน
                       ต่างๆ ในมณฑลปัตตานี เพื่อมิให้ราษฎรเดือนรอนและเกิดความยุ่งยากทางการปกครอง ปลายปี
                                                               ้
                       พ.ศ. 2472 เกิดความเปลี่ยนแปลงของการจัดการศึกษาอสลามในปัตตานี คือเกิดการสอนอสลามใน
                                                                     ิ
                                                                                                  ิ
                       รปแบบของโรงเรยนสอนศาสนาอสลามแทนการเปิดปอเนาะ ซึ่งเป็นแนวคิดของหะยีสุหลง
                                                      ิ
                                       ี
                        ู
                                 ์
                                                                        ี
                                           ี
                        ั
                       อบดุลกอเดร โดยโรงเรยนดังกล่าวในชั้นต้นจะใช้ชื่อโรงเรยนว่า “พระยาพิพิธเสนามาตย์ เจ้าเมือง
                       ยะหริ่ง ปัตตานี ฮ.ศ.1350” แต่เนื่องจากมีปัญหาบางประการ จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “มัดราเซาะห์ อลมู
                                                                                                       ั
                                                             ็
                                                                                                      ั
                                                        ้
                          ิ
                       อารฟ อลวาฎอนียะฮ์ปัตตานี” ซึ่งก่อสรางเสรจและเรมด าเนินการในปี พ.ศ. 2476 (วินิจ สังขรตน์,
                                                                    ิ่
                             ั
                       2544: 100-102)
                                                                        ์
                                                               ี
                              ต่อมาได้มีการตราพระราชบัญญติโรงเรยนราษฎร พ.ศ. 2497 ขึ้น จะพบว่าปอเนาะเข้าข่าย
                                                         ั
                       ตามมาตรา 20(3) แต่ในพฤตินัยแล้ว ยังไม่ถูกควบคุมโดยพระราชบัญญัติฉบับนี้ เพราะมีทางออกให้
                       ว่า โรงเรยนการศึกษาพิเศษนี้ รฐมนตรเห็นสมควรจะผ่อนผันไม่ให้ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญติ
                                                                                                        ั
                              ี
                                                       ี
                                                 ั
                       นี้อย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ (วินิจ สังขรัตน์, 2544 : 419)
                                                                                      ี
                                               ั้
                              การเปลี่ยนแปลงครงส าคัญของปอเนาะที่น าไปสู่การเป็นโรงเรยนเอกชนสอนศาสนา
                       อิสลามในปัจจุบัน เริ่มจากในสมัยรัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในปี พ.ศ. 2501 ซึ่งได้ก าหนด
                       โครงการพัฒนาการศึกษาในส่วนภูมิภาค กระทรวงศึกษาธิการได้รวมจังหวัดที่มีลักษณะความ
                       เป็นอยู่ของประชาชนและปัญหาการศึกษาคล้ายคลึงเข้าด้วยกัน โดยแบ่งภาคการศึกษาออกเป็น 12
                       ภาค และจากการแบ่งภาคการศึกษานี้ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล ซึ่งเป็นจังหวัดที่มี
                       สภาพทางภูมิศาสนาใกล้ชิดกัน ภาษา วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างเดียวกัน และ
                                                     ิ
                       ประชาชนส่วนใหญนับถือศาสนาอสลามเหมือนกัน ได้จัดให้เป็นภาคการศึกษาเดียวกัน คือ ภาค
                                        ่
                                                      ุ
                       การศึกษา 2    และมีการจัดตั้งคุรสัมมนาคาร ภาคการศึกษา 2       ขึ้นที่จังหวัดยะลา และ
                                                                                   ั
                                                                                       ุ
                                                                                              ิ
                       กระทรวงศึกษาธิการได้ออกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการปรบปรงส่งเสรมปอเนาะ ใน
                       ภาคศึกษา 2 พ.ศ. 2504 เพื่อการจดทะเบียนปอเนาะ
                                                                                       ุ
                                                                                                       ี
                                                                                   ั
                              ต่อมาในระหว่างปี พ.ศ. 2508-2511 ทางราชการมีโครงการปรบปรงปอเนาะเป็นโรงเรยน
                                                                                                 ั
                                                                                                     ุ
                       ราษฎรสอนศาสนาอสลาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ปอเนาะที่จดทะเบียนแล้วได้ปรบปรงเป็น
                             ์
                                         ิ
                                     ์
                                                                       ั
                                                 ิ
                                                                              ี
                       โรงเรยนราษฎรสอนศาสนาอสลามตามพระราชบัญญติโรงเรยนราษฎร เพื่อเป็นการจูงใจให้
                            ี
                                                                                       ์
                       ปอเนาะอื่นๆ ปรับปรุงเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามด้วย เพื่อพัฒนาการศึกษาของเยาวชน
                                                                                          ู้
                       ที่ศึกษาอยู่ในปอเนาะให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการเพิ่มก าลังคนที่มีความรเพื่อประโยชน์ทาง
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40