Page 406 - 022
P. 406
406
็
ิ
ุ
ุ
ุ
ส่งอษมาน อบน อัฟฟานเข้าไปยังนครมักกะฮ์เพื่อเปนตัวแทนเจรจากับอบู สฟยานและบรรดาผู้น า
็
ในมักกะฮ์ การเจรจาด าเนนไปหลายวัน ในระหว่างนั้นชาวกุรอยช์มักกะฮ์ได้กักตัวอษมานอยู่กับ
ิ
ุ
พวกเขาชั่วคราว จนกระทั่งมข่าวแพร่สะพัดว่าอษมานถกพวกมักกะฮ์สังหารเสยชวิตไปแล้ว (Ibn
ี
ี
ุ
ี
ู
Hanbal: 18910; Ibn Hisham, 1990: 3/262)
ู
ี่
ุ
ในขณะทอษมานยังไม่กลับมา ชาวมสลมมความวิตกกังวลว่าอษมานอาจถกฆ่าตายแล้วจรง
ุ
ิ
ิ
ี
ุ
้
ู
ี
้
้
ึ
ุ
ึ
ู
ี่
ตามข่าว ความรสกน้ได้กระจ่ายไปทั่ว พวกเขาพรอมทจะจับอาวุธลกข้นมาสรบกับชาวมักกะฮ์เพื่อ
ี
ี
ึ
แก้แค้นแทนอุษมาน ท่านนบ จงได้เรยกบรรดาเศาะหาบะฮ์เพื่อท าการบัยอะฮ์ภายใต้ต้นไม้ต้น
ึ
ิ
ึ
ุ
่
่
ุ
หนงซงมชอว่าสะมูเราะฮ์ ( ) (Muslim: 1856)โดยชาวมสลมทกคนตกลงว่าหากอษมานมอัน
ื่
ี
ี
ุ
่
ี
ู
ั
ี
ู
เปนไปจรง พวกเขายินดเต็มใจทจะสรบพลชพเพื่อแก้แค้นแทนอษมาน ซงการบัยอะฮ์ในคร้งน้รจัก
ี
ุ
ี่
้
้
ี
็
ิ
ึ
กันในนาม “บัยอะฮ์ อัลรฎวาน ( )” (Al-Tabari, 2001: 21/272; Bukhari: 3698) แต่
ิ
ื่
ี
็
ิ
็
ื
ี่
ึ
ุ
อย่างไรก็ตามเมอการบัยอะฮ์เสรจส้นอษมานได้ปรากฏตัวโดยไม่มอะไรเกิดข้นอย่างทเปนข่าวลอ
ุ
ึ
ู
ุ
้
ิ
ึ
่
สดท้ายฝายมสลมและพวกมักกะฮ์ได้มการเจรจาลงนามสงบศกกันซงรจักกันในนาม
ี
่
สนธสัญญาหดัยบยะฮ์ โดยทั้งสองฝายมข้อตกลงร่วมกันตามทปรากฏในรายงานต่างๆ สรปได้ดังน้
ี
ี่
ุ
ิ
่
ุ
ี
1
ี
่
็
1. ทั้งสองฝายยุตสงครามเปนเวลา 10 ป ี
ิ
2. ผู้ใดก็ตามทเปนชาวกุรอยช์หากเดนทางมาอยู่กับท่านนบ โดยไม่ได้รบอนญาตจาก
ี่
ั
ี
็
็
ิ
ุ
ู
ผู้ปกครองของเขา จะต้องถกส่งตัวกลับทันท ี
็
ู
ี่
ี
3. ผู้ใดก็ตามทเคยมาอยู่กับท่านนบ แล้วหนมายังชาวกุรอยช์ จะไม่ถกส่งตัวกลับ
ี
4. ความบาดหมางทมอยู่ระหว่างกันให้พักไว้ก่อนโดยยึดถอสนธสัญญาและความไว้ใจซง
่
ึ
ิ
ี่
ื
ี
กันละกัน
่
ึ
ื
่
ั
5. ชาวอาหรบกล่มใดทปรารถนาจะเข้าเปนพันธมตรกับฝายใดฝายหนงให้พึงถอว่าม ี
่
ี่
ิ
็
ุ
ี่
เสรภาพทจะท าได้
ี
6. ไม่อนญาตให้ชาวมสลมเข้านครมักกะฮ์ในปน้ แต่อนญาตให้เข้ามาในปหน้า โดยให้
ี
ี
ิ
ี
ุ
ุ
ุ
พ านักอยู่ในมักกะฮ์ได้ไม่เกิน 3 วัน และจะต้องไม่มอาวุธอนตดตัวมานอกจากมดสั้นเพียงเล่มเดยว
ื่
ี
ี
ี
ิ
เท่านั้น
ั
ี
็
ี
ส าหรบการบัยอะฮ์ อัรรฎวานในคร้งน้มความส าคัญเปนอย่างยิ่ง อัลกุรอานได้กล่าวยกย่อง
ั
ิ
ี
ั
ผู้ให้การบัยอะฮ์ในคร้งน้ว่า
1
ู
ดใน Bukhari: 2698, 2700; Muslim: 1784; Abu Dawud: 2766; Ibn Hisham, 1990: 3/263-264