Page 34 - 0051
P. 34
การเรียนรู้เชิงรุก: ความเข้าใจสู่การปฏิบัติจริง 27
จากการศึกษางานวิจัยที่ีผู้่านมาของ Handlos et al. (2022) พื่บว่า การจัด้การเรียนร้�เช้ิงรุกในกลมสะเต็มศึกษา
ุ
�
่
ที่ำให�นักเรียนเกด้ความสำเร็จที่างการเรียนมากกว่าการสอนแบบบรรยาย แต่ในงานวิจัยของ Betti et al. (2022)
ิ
ั
�
่
้
�
�
ั
กลับพื่บว่า การจด้การเรียนร�เช้ิงรุกโด้ยใช้เที่คนิคหองเรียนกลับด้าน (flipped classroom) ยังให�ผู้ลไมช้ด้เจน
ิ
ว่าช้่วยพื่ัฒนาที่ักษะเฉพื่าะที่างที่ี�จำเป็นในวช้าช้พื่ (hard skills) และที่ักษะที่างสังคม (soft skills) ของผู้้�เรียน
ี
�
ได้หรอไม่ อย่างไรก็ตาม เม่�อพื่ิจารณาในด้�านผู้ลิตภิาพื่การเรียนร้�ที่�เกิด้ข�น ผู้�เรียนก็สามารถสรางสรรค์ผู้ลงาน
ึ
่
ี
้
�
�
ิ
�
จากการเรียนร้�ได้มากขึ�นด้วย เน่�องจากผู้้�เรียนมีโอกาสลงม่อปฏิิบติจริง การจด้การเรียนร้�เช้ิงรุกจึงส่งเสริมให�เกด้
ั
ั
การเรียนร�เช้ิงผู้ลิตภิาพื่ (productivity-based learning) ซึ่ึ�งผู้�เรียนสามารถสรางผู้ลงาน ผู้ลผู้ลิต และองค์ความร � ้
�
้
้
่
ิ
ิ
ี
ผู้่านกระบวนการอย่างเป็นระบบ (Komarathat, 2014) โด้ยผู้ลผู้ลิตที่�เกด้ขึ�นไมว่าจะเป็นความคด้ สิ�งประด้ิษฐ์
หรองานวิช้าการลวนเป็นผู้ลมาจากการตกผู้ลึกที่างความคิด้ของผู้�เรียน (Sinlarat, 2006) การจัด้การเรียนร�เช้ิงรุก
้
่
�
้
่
ั
ี
็
ิ
�
ี
�
�
้
ิ
�
ั
ั
�
ตามหลกการเรยนรเช้งผู้ลตภิาพื่ที่สำคญ ได้แก การใช้ปัญหาเปนฐาน การใช้วิจยเปนฐาน และการสอนแบบโครงงาน
็
ี
่
ั
�
�
้
่
ิ
�
�
การจด้การเรียนรด้ังกล่าวน�เสริมสรางกระบวนการคด้ การลงมอที่ำ การใหคำปรึกษา และการปรับแกเพื่�อให �
ี
้
ี
้
�
�
้
ั
่
ได้�ผู้ลผู้ลิตที่�สมบรณ์ อาศัยความร่วมมอกันระหว่างผู้�สอนกับผู้�เรียน ด้ังน�น การที่�ผู้�สอนอางว่าได้มอบหมาย
้
�
ใหผู้�เรียนศึกษาคนควาด้�วยตนเองตามลำพื่ัง จึงขาด้กระบวนการเรียนร้ร่วมกันและไม่สามารถอางได้�ว่าเป็น
�
�
�
�
้
การจด้การเรียนร้�เช้ิงรุก
ั
้
ั
ี
จากธีรรมช้าติการจด้การเรียนร้�เช้ิงรุกตามแนวคด้ที่ฤษฎีีที่�กล่าวมาจะเห็นว่าการจด้การเรียนร�เช้ิงรุกเป็น
ิ
ั
�
่
้
่
แนวที่างจัด้การเรียนร้�ที่�เน�นใหผู้�เรียนได้� “คิด้” ได้� “ลงมอที่ำ” “ร่วมกัน” กล่าวคอ ผู้�เรียนได้�ใช้�ที่ักษะกระบวนการคิด้
้
ี
่
ในการเรียนร้� ได้�อภิิปรายซึ่ักถาม ได้�ลงมอที่ำกิจกรรมในช้�นเรียน รวมถึงที่ำงานที่ี�ได้�รับมอบหมายโด้ยอาศัย
ั
้
่
�
ี
้
้
�
ปฏิสัมพื่ันธี์ที่ด้ีระหว่างผู้�สอนกับผู้�เรียนและความร่วมมอกันระหว่างผู้�เรียนเอง เพื่�อใหการเรียนร้�บรรลุตามเป้าหมาย
ิ
่
�
็
ั
์
่
�
ึ
ี
ิ
�
้
�
ี
�
ิ
ี
�
่
ี
�
ที่กำหนด้ไว พื่ฤตกรรมการเรยนรที่งสามสวนนจะเปนองคประกอบสำคญในการเรยนรขาด้สงหนงสงใด้ไมได้ �
�
ั
้
ิ
�
ิ
เพื่ราะการจด้การเรียนร�เช้ิงรุกเป็นกระบวนการเรียนร้�เช้ิงประจักษช้ัด้เจน เม่�อผู้�เรียนคด้กตองแสด้งความคด้น�น
้
ิ
์
�
็
ั
้
ั
�
�
่
้
ออกมาใหเห็นเป็นรปธีรรมไม่ว่าจะด้�วยวิธีีการพื่้ด้หรอเขียนก็ตาม เม่�อผู้�เรียนได้�ลงมอที่ำก็ตองเห็นผู้ลผู้ลิตหรอ
่
่
้
ี
ช้ิ�นงานที่�แสด้งถึงหลักฐานการเรียนร้�ที่�เกด้ขึ�น และเม่�อการเรียนร้�เป็นไปในลักษณะการร่วมม่อกัน บรรยากาศใน
ิ
ี
�
ั
่
่
�
ช้�นเรียนย่อมเต็มไปด้�วยความกระตอรอรนและความช้่วยเหลอซึ่ึ�งกันและกันในเช้ิงสรางสรรค์ตามธีรรมช้าติของ
่
การเรียนร้�เช้ิงรุกนั�นเอง
ุ
้
สู่อนอย�างไรจึงจะเป็นการจัดการเรียนร�เชิิงรก
ั
ิ
ั
้
่
่
ี
�
ึ
ุ
สอนอยางไรถงจะเปนการจด้การเรยนรเช้งรกเปนคำถามที่ผู้�สอนหลายคนสงสยและยงไมมนใจวาวธีีสอนของ
ั
่
ั
�
�
็
้
ี
็
ิ
่
�
ี
้
่
ั
้
ั
้
ตัวเองน�นใช้่การจด้การเรียนร�เช้ิงรุกหรอไม่ คณะผู้�เขียนขออธีิบายเร�องน�ด้วยการพื่ิจารณาถึงบที่บาที่ของผู้�สอน
ั
และผู้�เรียนในช้�นเรียน ในการเรียนการสอน ผู้�เรียนจะมีความเป็นศนย์กลางในการเรียนร้�มากข�นเม�อผู้�สอนปรับ
้
้
ึ
้
่
้
็
�
้
้
�
บที่บาที่ตนเองจากการเปนผู้บรรยายเนอหาเปนบที่บาที่อน ในช้นเรยนที่ผู้�สอนเนนการเปนผู้ใหคำแนะนำมากกวา
่
�
�
็
�
็
�
ั
้
ี
�
ี
่
�
่
้
ผู้�บรรยายน�น ผู้�เรียนจะมีโอกาสคิด้และลงมอที่ำด้�วยตนเองมากข�น การใหคำแนะนำในการที่ำงานจะช้่วยใหผู้�เรียน
ึ
้
�
ั
้
่
�
ี
ิ
เกด้การเรียนร้�จากความผู้ด้พื่ลาด้และความสำเร็จที่�เกด้ขึ�น สำหรับช้ั�นเรียนที่�ผู้้�สอนได้เตรียมกิจกรรมหร่อใบงาน
ิ
ิ
�
ี
ิ
้
�
้
ั
้
�
ไว�ล่วงหนา ผู้�สอนสามารถแสด้งบที่บาที่ของตนเองในฐานะผู้�อำนวยความสะด้วกเพื่�อใหผู้�เรียนได้ปฏิบติตาม
�
่
ิ
้
้
�
่
�
กิจกรรมหรอใบงานด้วยความถกตอง การเตรียมส�อการเรียนร�และแหล่งเรียนร�อย่างหลากหลายจะช้่วยเพื่�มเติม
้
่
้
�
�
่
ความร�ใหแก่ผู้�เรียน ในกรณีที่�ผู้�สอนออกแบบการเรียนการสอนแบบใช้โครงงาน การที่ด้ลอง หรอกระบวนการวจัย
ี
้
ิ
้
้
้
่
เป็นฐาน ผู้�สอนสามารถแสด้งบที่บาที่ตนเองในฐานะผู้�ใหคำช้�แนะหรอโค�ช้เพื่�อใหผู้�เรียนลงมอปฏิบัติตามแผู้น
�
่
้
ิ
�
ี
่
้
้
จนบรรลุตามเป้าหมาย ผู้�เรียนสามารถแกไขขอบกพื่ร่องตนเองได้�ในฐานะผู้รับคำช้�แนะ หรอในกรณีน� ผู้�สอน
�
�
้
�
่
ี
ี
่
อาจปรับบที่บาที่ตนเองมาเป็นพื่ี�เล�ยงที่ี�คอยกระต�นผู้้�เรียน คอยใหความช้่วยเหลอ และเป็นแบบอย่างเพื่�อใหผู้�เรียน
�
่
ุ
ี
�
้
�
�
พื่ยายามเรียนร้�ด้วยตนเองและสามารถพื่ัฒนาความสามารถของตนเองใหเป็นไปตามเป้าหมาย (Dechakup &
Yindeesuk, 2016)