Page 59 - 001
P. 59
48
บทที่ 5
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ุ
ศาสนาเชนและศาสนาพทธ
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูมีต้นกำเนิดมาจากศาสนาพระเวท อันเป็นศาสนาที่ชาวอารยันที่
ได้อพยพเข้ามาในประเทศอินเดียในราว 3,500 ปีมาแล้วนำเข้ามาด้วย ศาสนาพระเวทเป็น
ศาสนาที่ไม่มีศาสดาผู้ก่อตั้ง แต่มีการเคารพบูชาเทพเจ้าที่เกี่ยวกับธรรมชาติ ได้แก่ พระอินทร์
เทพเจ้าแห่งสายฟาและสงคราม พระวรุณ เทพเจ้าแห่งฝน และพระยมเทพเจ้าแห่งการทำลาย
้
หรือเทพแห่งความตาย ทั้งนี้ เพราะชาวอารยันในสมัยแรกเริ่มก่อนการอพยพเข้ามาในอินเดีย
ดำรงชีวิตแบบกึ่งเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ ดังนั้น จึงมีความใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก ธรรมชาติจึงมี
อิทธิพลทางความเชื่อของชาวอารยัน ในศาสนาพระเวทไม่มีการทำรูปเคารพ เนื่องจากชาว
อารยันเป็นกลุ่มชนที่อพยพเคลื่อนย้ายที่อยู่ไปมา การติดต่อกับเหล่าเทพเจ้า จึงมีแต่การก่อกอง
ไฟใส่ของสังเวยหรือของบูชายัญลงไปในกองไฟและมีบทสวดสำหรับอ้อนวอนบูชาเทพเจ้า
ั
เหล่านั้น เมื่อชาวอารยันได้เข้ามาตั้งหลักแหล่งในประเทศอินเดียแล้ว จึงเกิดพฒนาการของ
ศาสนาพระเวทขึ้นจนกลายเป็นศาสนาพราหมณ์
ศาสนาพราหมณ์ยอมรับในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด รวมทั้งได้เชื่อว่ามีพระผู้เป็นเจ้า
คือ พรหมัน เป็นผู้สร้างโลกและสร้างสิ่งมีชีวิตทั้งปวงขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีความเชื่อเกี่ยวกับ
อาตมัน (Soul) ว่าเป็นพลังชนิดหนึ่ง ดำรงอยู่ได้เป็นอย่างเป็นอิสระ หรืออาจจะอาศัยอยู่กับ
ร่างกายหรือวัตถุได้ แต่ไม่แตกดับเมื่อร่างกายสิ้นสลายลง ดังนั้น อาตมันคือสิ่งที่อยู่ในตน ทำให้
เป็นบุคคลขึ้น แม้ร่างกายเน่าเปื่อยไปแล้ว ก็ยังเชื่อว่าอาตมันจะยังคงอยู่ต่อไป หากบุคคลใดทำ
ความดี ตายไปแล้วอาตมันย่อมขึ้นสู่สวรรค์ เมื่อบุคคลใดทำความชั่วก็จะตกนรก แต่ทั้งสวรรค์
และนรกไม่ใช่จุดสุดท้ายของมนุษย์ เพราะอาตมันก็จะเวียนว่ายตายเกิดไปตามสังสารวัฏ ซึ่งก็
คืออยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ซึ่งจะชักนำให้เกิดแล้วเกิดอีก ความเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
เป็นความเชื่อถือกันโดยทั่วไปว่าเป็นทุกข์ การที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์หรือการเวียนว่ายตาย
เกิดได้ต้องขจัดอวิชชาหรือความหลงผิด เมื่อใดที่อาตมันมีความรู้แจ้งเห็นจริงและขจัดอวิชชาได้
เมื่อนั้นก็จะบรรลุ “โมกษะ” เมื่อตายแล้วจะได้ไปรวมกับพระองค์ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก
ต่อไป
ในพทธศตวรรษที่ 6 (ราวคริสต์ศตวรรษที่ 1) เป็นต้นมา ศาสนาพราหมณ์ได้เริ่ม
ุ
วิวัฒนาการเป็นศาสนาฮินดูอย่างเต็มที่ โดยยังคงความเชื่อเหมือนเดิมเช่นยุคที่ผ่านมา แต่
ความคิดในเชิงปรัชญามีความลุ่มลึกขึ้น เนื่องจากต้องแข่งขันกับศาสนาที่เกิดขึ้นใหม่ 2 ศาสนา
คือศาสนาเชนและศาสนาพทธ จนทำให้ศาสนาพราหมณ์ต้องปรับกระบวนการในการสอน
ุ
ศาสนาใหม่และเรียกศาสนาตนเองว่าศาสนาฮินดู โดยความคิดของยุคนี้มีดังต่อไปนี้
1. โลกเป็นส่วนหนึ่งของพรหมัน ไม่มีความจริง เป็นเพียงสิ่งที่สะท้อนออกมาจาก