Page 17 - 160
P. 17
3
สำนักงบประมาณ ในการทุ่มงบประมาณไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อพัฒนาระบบ
ึ
เศรษฐกิจ สังคมและการศกษา รวมถึงความมั่นคงของประเทศ ในขณะที่จังหวัดตามชายแดนของ
ประเทศกลับได้รับการจัดสรรงบประมาณน้อยกว่าจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ ซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนา
ในด้านต่าง ๆ สามารถกระทำได้น้อยกว่าจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ ประกอบกับการทำงานในภาคธุรกิจ
ื่
ตามชายแดนติดประเทศเพอนบ้านและในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก
ื่
มีความต้องการนักศกษาหรือบุคลากรที่สามารถพูดภาษาของเพอนบ้านได้ ซึ่งในปัจจุบันบุคลากรที่มี
ึ
ื่
ความสามารถและทกษะด้านภาษาเพอนบ้าน ไม่มีความสามารถหรือศักยภาพเพียงพอที่จะผ่านการ
ั
พิจารณาเข้าทำงานได้เหมือน ๆ กับผู้ที่จบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาใหญ่ ๆ ในเมือง จึงทำให้
นักศึกษาทมีทักษะด้านภาษาเพื่อนบ้าน ไม่ได้เข้าสู่ระบบงานที่เหมาะสมอย่างแท้จริง (สำนักงาน
ี่
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2550) และตามพระราชบัญญัติการศึกษา
แห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 และ
แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ก็มีจุดเน้นอาชีวศึกษา
สอดคล้องเช่นเดียวกันกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเช่นกัน โดยที่การจัดการอาชีวศึกษา
จะต้องมีปริมาณ ร้อยละ 50 ของยอดผู้เรียนสายสามัญ
ในแผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564)
กล่าวว่า การส่งเสริมการอาชีวศึกษา และเร่งผลิตและพัฒนากำลังคน เพื่อตอบสนองความต้องการ
พัฒนาประเทศ โดยดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาผ่าน
โครงการเรียนร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศึกษา) มีผู้เรียนสนใจสมัคร
เข้าร่วมโครงการแล้วใน 588 สถานศึกษา จำนวน 30,405 คน พัฒนาผู้บริหาร ครูโรงเรียนเอกชน
อาชีวศึกษา ครูฝึกในสถานประกอบการด้านต่าง ๆ ดำเนินการปรับภาพลักษณ์นักเรียน นักศึกษา
อาชีวศึกษาโดยจัดศูนย์อาชีวะอาสาในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ดำเนินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน
(Fix It Center) ในส่วนของผลิตกำลังคนด้านอาชีวศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของการพัฒนา
ประเทศ ได้ดำเนินโครงการอาชีวศึกษามาตรฐานสากล โดยศึกษาจุดเด่นของประเทศต่าง ๆ มาปรับ
ใช้เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาอาชีวศึกษา จัดการศึกษาหลักสูตรปริญญาตรี
สายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการในสถาบันการอาชีวศึกษา จำนวน 9 สถาบัน 16 สาขาวิชา รวม 43
หลักสูตร ผลักดันการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี โดยจัดทำคู่มือสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับ
สถานประกอบการที่ร่วมจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี จัดทำความร่วมมอจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
ื
ผลิตกำลังคนรองรับภาคอตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม และภาคบริการของประเทศ โดยสถาบัน
ุ
การอาชีวศึกษา 18 แห่ง จับคู่กับหอการค้ากลุ่มจังหวัด 18 จังหวัด รวมทั้งสร้างหลักสูตรใหม่รองรับ
ความต้องการของประเทศพร้อมกาวสู่ประชาคมอาเซียน พฒนาการจัดอาชีวศึกษา เพื่อรองรับ
้
ั