Page 15 - 160
P. 15
1
บทที่ 1
บทนำ
ความเป็นมาของปัญหาและปัญหา
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 ถึง 12 ล้วนแต่ให้ความสำคัญ
ของแรงงานอาชีวศึกษาโดยระบุว่าความได้เปรียบทางการแข่งขันทางเศรษฐกิจ จะต้องมาจากการ
ที่มีแรงงานอาชีวศึกษา ที่มีปริมาณเพียงพอ และมีคณภาพ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
ุ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10, 11 และ 12) และคนไทยสามารถต่อยอดความรู้พัฒนา
ผลิตภัณฑ์และสร้างนวัตกรรมใหม่ขึ้นได้ด้วยตนเอง เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานหรือทุนที่มีอยู่เดิม
ในประเทศ ดังนั้น จึงต้องปรับโครงสร้างการผลิตของประเทศให้เข้มแข็งและแข่งขันได้ทั้งภาคเกษตร
อุตสาหกรรม และบริการบนฐานองค์ความรู้โดยเน้นการสร้างคุณค่าให้กับสินค้าและบริการของไทย
ที่มีจุดเด่นด้านวัฒนธรรม อัธยาศัย ไมตรีและเอกลักษณความเป็นไทย เพอพัฒนา “ความเก่ง”
ื่
์
ในการแข่งขันยุคโลกาภิวัตน์ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2560)
ส่วนในแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ตอนหนึ่ง ระบุไว้ชัดเจนถึง
การพัฒนาเศรษฐกิจ ที่พิจารณาแล้วจะเกี่ยวข้องกับการศึกษาระดับอาชีวศึกษา คือ การพัฒนา
เศรษฐกิจเป็นประเด็นหลักมาเป็นการให้ความสำคัญกบการพัฒนาคนและสังคมไปพร้อมกัน จึงเป็น
ั
จุดเริ่มต้นของแนวคิดการพัฒนาที่มี “คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา” โดยให้เศรษฐกิจเป็นเครื่องมือใน
การพัฒนาคนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเปลี่ยนวิธีการพฒนาเป็นแบบองค์รวมที่เชื่อมโยงมิติ
ั
้
เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเขาด้วยกันอย่างสมดุล ซึ่งการพัฒนาประเทศสู่ความสมดุลและยั่งยืน
โดยนำทุนของประเทศทมีศักยภาพมาใช้ประโยชน์อย่างบูรณาการและเกื้อกูลกัน พร้อมทั้งเสริมสร้าง
ี่
ให้แข็งแกร่งเพื่อเป็นรากฐานการพัฒนาประเทศที่สำคัญได้แก่ การเสริมสร้างทุนสังคม (ทุนมนุษย์ ทุนสังคม
ทุนทางวัฒนธรรม) ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนและสังคมไทยสู่สังคมคุณภาพ สำหรับการเสริมสร้าง
ทุนเศรษฐกิจ (ทุนกายภาพ ทุนทางการเงิน) มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศให้เข้มแขง โดยใช้
็
ภูมิปัญญา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งภาพรวมกำลังแรงงานของประเทศ
ไทยมีการศึกษาสูงขึ้น โดยปี พ.ศ. 2553 มีกำลังแรงงานจบการศึกษาสูงกว่าระดับประถมศึกษาเพิ่มขึ้น
เป็นร้อยละ 45.4 และสัดส่วนนักเรียนสายอาชีพต่อสายสามัญอยู่ในอัตรา 40 : 60 แต่การเรียนต่อใน
สายอาชีวศึกษายังไม่สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนระดับกลางของประเทศ ขณะเดียวกันอัตรา
เพิ่มของผลิตภาพแรงงานในช่วงปี พ.ศ. 2550-2551 โดยเฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ เพียงร้อยละ 1.8