Page 57 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์
P. 57
35
1
ฺ
ฮะดีษเมาฎอ นั้นจะไม่ใช้ในการอ้างอิง ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการขัดแย้งกัน
ระหว่างฮะดีษด้วยกันไม่ว่าจะเป็นในด้านเนื้อหา หรือระดับของฮะดีษ ผู้วิจัยจะยึดเอาฮะดีษที่มีระดับ
เหนือกว่าเสมอ
ค. หลักการอุศูลลุดดีน
1) หลักการการลงความเห็นจากหลักทั่วไปเพื่อสู่เรื่องเฉพาะ
(อิสตินตาญีย์) เช่นแนวทางการยึดมั่นเกี่ยวกับอายาตอัศศิฟาตและฮะดีษเกี่ยวกับศิฟาตของอัลลอฮ์
มี 3 แนวทางคือ สะลัฟ เคาะลัฟ และมุชับบิฮะฮ์ แต่ที่ถูกต้องคือ แนวทางสะลัฟ
2) หลักการการลงความเห็นจากเรื่องเฉพาะเพื่อสู่หลักทั่วไป
(อิสติกรออีย์) เช่นการอธิบายบรรดาชื่อของอัลลอฮ์ซึ่งเป็นอายาตมุหกะมาต แต่ในอีกแง่หนึ่งเป็น
อายาตมุตะบิฮาตตามทัศนะของอะชาอิเราะฮ์และฟิร็อก
3) หลักการพินิจพิเคราะห์และสังเกต (อัตตะฟ๎กกุรและอันนะซ๊อร) โดย
การพิจารณาอายาตและฮะดีษด้านความหมาย เจตนารมณ์และการนําไปใช้เป็นหลักฐาน เช่นการ
อธิบายอายาตการสติย์ของอัลลอฮ์บนอะรัชซึ่งจะพบทัศนะหลายทัศนะ และบางทัศนะจะพาดพิงไป
ยังอิมามมาลิกเมื่อดําเนินสืบการพาดพิงถึงอิมามมาลิกพบว่ามิได้มาจากอิมามมาลิกจริงตามที่ได้อ้าง
นี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่พาดพิงถึงอิมามมาลิกไม่เป็นความจริงแต่ประการใด
ง. หลักการตัรญีฮ
ทัศนะของอุละมาอ์ที่มีความเห็นตรงกัน หรือมีเพียงทัศนะเดียวผู้วิจัยจะ
ถือว่าเป็นทัศนะที่ถูกต้อง ส่วนทัศนะอุละมาอ์ที่มีความเห็นขัดแย้ง ผู้วิจัยจะยึดทัศนะที่มีหลักฐาน
ชัดเจนที่สุดมายืนยัน ในกรณีที่ทัศนะต่างก็มีหลักฐานมายืนยัน ผู้วิจัยจะเลือกทัศนะที่เห็นว่ามีความ
เหมาะสมหรือสอดคล้องกับสภาพการณ์ของอายะฮ์มากที่สุด ดังหลักการของอิมามอัชชาฟิอีย์
1
หมายถึง คําพูดที่กล่าวอ้างหรืออุตริขึ้นมานอกเหนือจากคํากล่าวของท่านเราะสูล