Page 56 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์
P. 56
34
ข. ข้อมูลภาคสนาม
ผู้วิจัยจะใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วย 3 วิธี คือ
1) การสังเกตโดยการพิจารณาปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นประเด็น
เกี่ยวข้องกับป๎ญหาในการวิจัย
2) การสัมภาษณ์โดยการพบปะสนทนากับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ความ
กระจ่างในประเด็นต่าง ๆ ของข้อมูลเพิ่มขึ้น
3 ) การใช้แบบสัมภาษณ์เพื่อเป็นแนวทางในการเก็บรวบรวมข้อมูล
1.9.5 การวิเคราะห์ข้อมูล
1.9.5.1 การจัดกระทําข้อมูล
เมื่อเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย ผู้วิจัยได้แยกหัวข้อต่าง ๆ
ดังต่อไปนี้
ก. ข้อมูลชีวประวัติต่วนมีนาลได้แยกออกเป็นหัวข้อต่าง ๆ ที่เหมาะสม
และครอบคลุมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับต่วนมีนาล
ข. ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสืออะกีดะฮ์อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีนได้แยก
ออกเป็นหัวข้อหลัก เช่น มุก็อดดิมะฮฺ อัสสะนุซีและการเขียนเตาฮีดของต่วนมีนาล แต่ละส่วนจําแนก
หัวข้อรองและหัวข้อย่อยตามเนื้อหาที่ปรากฏในหนังสือ (เอกสารวิจัย)
์
ค. ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ได้ดําเนินการตามเนื้อหาของหนังสือะกีดะฮ
อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีนโดยไม่ได้แยกระหว่างข้อความในวงเล็บ เช่น ชะฮฺดานกับเนื้อหาที่เป็น
คําอธิบายเตาฮีดของต่วนมีนาล
1.9.5.2 หลักการวิเคราะห์ข้อมูล
ก. หลักการตัฟซีร
ผู้วิจัยจะใช้หลักการตัฟซีรบิลมะษูร หมายถึงการอรรถาธิบายอัลกุรอาน
โดยการยึดเอาหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดในการอธิบาย
ข. หลักการฮะดีษ
1
2
ผู้วิจัยจะยึดฮะดีษเศาะฮีฮ และฮะดีษฮะสัน เท่านั้นในการประกอบการ
3
อธิบายเพื่อยืนยันในความถูกต้อง ส่วนฮะดีษเฎาะอีฟ นั้นจะใช้อ้างอิงเฉพาะบางกรณีเท่านั้นในขณะที่
1 หมายถึง ฮะดีษที่มีสายรายงานติดต่อกันผูรายงานเป็นผู้มีคุณธรรมมีความจําดีเยี่ยม (จําด้วยใจและจําด้วยการจดบันทึก) ตั้งแต่ผู้ราย
งานคนแรกจนถึงท่านเราะสูล ไม่มีความบกพร่องและขัดแย้งกับลักษณะของฮะดีษที่มีความเชื่อถือได้มากกว่า
2
สุยูฎีย์ กล่าวว่าความหมายของฮะดีษหะสันกับฮะดีษเศาะหีหนั้นเหมือนกันทุกอย่าง นอกจากในเรื่องของความจําเท่านั้นที่ฮะดีษฮะสัน
จะด้อยกว่า
3
หมายถึง ฮะดีษที่ขาดเงื่อนไขประการหนึ่งประใดหรือหลายประการอันเป็นที่ยอมรับจากชนิดของฮะดีษเศาะหีหและฮะดีษหะสัน