Page 28 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์
P. 28

6







                       มิฟตาฮ อัลมุรีด ฟี อิลมฺ อัตเตาฮีด  และอิรชาดุลอิบาด อิลา  สะบีลิรเราะชาด เป็นต้น แต่หนังสือที่
                                                       ์
                       ผู้วิจัยเลือกเป็นเอกสารวิจัยคือ อะกีดะฮ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน
                        หนังสืออะกีดะฮ ์            อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน เป็นหนังสืออะกีดะฮ์เล่มหนึ่งที่ม ี
                       เนื้อหาสาระในต้นฉบับ 140 หน้า โดยใช้ภาษามลายู-ญาวีป๎ตตานี ซึ่งต่วนมีนาลได้เขียนแล้วเสร็จเมื่อ

                       ปี ฮ.ศ. 1308 (ค.ศ. 1887) หรือประมาณ 130 ปีที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในบรรดาหนังสือที่ใช้ในการ

                       เรียนการสอนมาตั้งแต่อดีตจนถึงป๎จจุบัน หนังสือเล่มนี้ไม่ได้แพร่หลายเฉพาะในดินแดนแห่งนี้เท่านั้น
                       แต่ยังได้แพร่หลายในส่วนกลางของประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและประเทศเพื่อนบ้าน

                       อย่างเช่น มาเลเซีย อินโดนีเซียและบรูไนอีกด้วย (พีรยศ ราฮิมมูลา, 2545 : 37-38)
                        เนื้อหาสาระของหนังสืออะกีดะฮ ์            อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน มีคุณภาพและ

                                             ์
                       คุณค่าทางวิชาการอะกีดะฮ เป็นส่วนส่งเสริมให้หนังสือเล่มนี้ได้รับการยอมรับของผู้คนเป็นจํานวนมาก
                       ไม่แตกต่างจากหนังสือเล่มอื่น ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ได้ใช้หนังสือเล่มนี้ในการจัดการเรียน
                       การสอนตามโรงเรียนสอนศาสนา หน่วยงานที่จัดการศึกษาด้านศาสนา หรือผู้เผยแพร่ศาสนารูปแบบ

                       ต่าง ๆ โดยทั่วไปตั้งแต่อดีตมาตราบจนป๎จจุบัน หนังสือเล่มนี้ยังได้แพร่หลายเป็นที่นิยมในต่างประเทศ

                       ไม่น้อย โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มเอเชียตะวันออกเ  ฉียงใต้ เช่น ประเทศมาเลเซีย
                       อินโดนีเซีย กัมพูชา เวียดนามและพม่า เป็นต้น (Ἀhmad Fathy, 2009 : 13-14)

                        ลักษณะโดยทั่วไปของหนังสืออะกีดะฮ ์            อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน เป็นหนังสือ
                       อธิบาย มะตัน อุมมฺ อัลบะรอฮีน โดยเขียนประโยคอธิบายที่ไม่มีวรรคตอนเหมือนกับการเขียนใน

                       ป๎จจุบัน มีการเรียบเรียงคําและข้อความเป็นวรรคเป็นตอน ส่วนการอ้างอิงอายะฮ์อัลกุรอานและ

                       อัลฮะดีษผู้แต่งก็มิได้ระบุว่าอยู่ในสูเราะฮ์ใด อายะฮ์ที่เท่าไร หมายเลขฮะดีษที่เท่าไร ใครเป็นผู้รายงาน
                       และสถานภาพของฮะดีษเป็นอย่างไรตามลําดับ และยังใช้ภาษามลายูป๎ตตานีในอดีตที่ใช้ คํา สํานวน

                       ภาษาค่อนข้างยากจึงทําให้เกิดความยุ่งยากสําหรับอนุชนป๎จจุบันที่จะทําการศึกษา ค้นคว้า และทํา
                       ความเข้าใจถึงเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นจึงจําเป็นต้องมีการศึกษาวิเคราะห์หนังสือตามแนวทาง

                       อะกีดะฮ  ์

                                     จะเห็นได้ว่าในยุคป๎จจุบันเป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร เป็นยุคแห่งการพัฒนาการทุก ๆ
                       ด้าน โดยเฉพาะหนังสือหรือตําราที่เป็นผลงานของอุละมาอ์ยุคก่อนทั้งสะลัฟและเคาะลัฟ ได้มีการ

                       พัฒนาปรับปรุงให้ทันยุคทันสมัยในหลายสาขาวิชา เช่น ฟิกฮฺ อุศูลุดดีน ตะเศาวุฟและอื่น ๆ ก็จะ

                       มุ่งเน้นด้านการอ้างอิงและหลักฐาน ทั้งนี้ก็เพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง ความชัดเจน คุณภาพและ
                       มาตรฐานขององค์ความรู้นั้น ๆ และจะเน้นการใช้ถ้อยคํา สํานวนภาษาที่ง่ายเป็นพิเศษ รูปแบบการ

                       เรียบเรียงคํา ประโยค การจัดวาง การลําดับความสําคัญของหัวเรื่อง ข้อความ เนื้อหาชัดเจนน่าอ่าน

                       น่าติดตาม อ่านแล้วทําความเข้าใจง่าย สามารถเรียนรู้และศึกษาค้นคว้าได้ด้วยตนเอง ต่างกับยุค
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33