Page 21 - 071
P. 21

4







                                                            บทที่ 2


                                                             ทฤษฎี







                                                                                    ํ
                                                                                         ึ้
                              การนายางธรรมชาตเบลนดยางรีเคลมและเศษแผนฟลม เมื่อนาไปขนรูปเปนแผนยางที่
                                                      
                                                ิ
                                   ํ
                       นามาใชเปนแผนฉนวนกันความรอน เนองจากวสดองคประกอบในการผสมนนมีสมบัตความเปน
                                                         ื่
                                                                      
                                                                  ุ
                                                                                         ั้
                                                                ั
                        ํ
                              
                                                                                                 ิ
                       ฉนวนความรอน จึงคาดวาสมบัติการเปนฉนวนความรอนภาพรวมของแผนยางนี้จะดีขึ้น

                       2.1 ความรอนและอุณหภูมิ
                                                               ึ่
                               ความรอน  (heat)  เปนพลังงานรูปหนงที่เกิดขนเมื่อมีการเคลื่อนที่ของโมเลกุลของสสาร
                                                                      ึ้
                                                                      
                                                       ุ
                       พลังงานความรอนที่ถกสงออกมา  มนษยและสิ่งมีชวตตาง  ๆ  ลวนมีประสาทสัมผัสหรือปฏกิริยา
                                                                                                     ิ
                                                          
                                         ู
                                                                  ี
                                                                    ิ
                       ตอบสนองที่ไวตอความรอน
                                                                  ั
                                                                
                                                                     ั้
                                                                             ู
                              ความรูสึก บอกระดบของความรอนไมได ดงนน อุณหภมิเปนปริมาณทางฟสิกสซึ่งใชบอก
                                               ั
                                                                                                      
                       ระดับความรอนโดยใชอุปกรณที่มนุษยประดิษฐขึ้น เรียกวา เทอรโมมิเตอร (Thermometer)
                              ปจจุบันไดกําหนดหนวยของอุณหภูมิ เปน เคลวิน (K) และองศาเซลเซียส (°C)

                       2.2 การขยายตัวเนื่องจากความรอน

                              เมื่อวัตถุไดรับความรอนจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปรางซึ่งโดยทั่วไปจะมีการขยายตัวใหญขึ้น จึง

                       ทําใหเกิดฟองอากาศและเพิ่มปริมาตรอิสระภายในวัสดุ การขยายตัวมีหลายรูปแบบ เชน การขยายตัว
                       ตามเสน การขยายตัวตามพื้นที่ การขยายตัวตามปริมาตร เปนตน


                              2.2.1 การขยายตัวตามเสน

                                     พิจารณา เดิมวัตถุมีความยาว l 0 มีอุณหภมิ t 0 เมื่อไดรับความรอนเพิ่มจนอุณหภมิ
                                                                                                        ู
                                                                       ู
                                                                                 
                                                                                                        ิ
                       เปน t และความยาวเปน l t สวนที่ยดออกไป Δl = l t- l 0 จะเปนสัดสวนโดยตรงกับความยาวเดม
                                                     ื
                       และอุณหภูมิ ที่เปลี่ยนไปดังสมการ
   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26