Page 18 - 067
P. 18
4
ดังกล่าวสามารถเพาะเลี้ยงได้ง่ายโดยใช้น้้าทิ้งจากกระบวนการผลิตแก๊สเชื้อเพลิงชีวภาพและ
สารละลายไบคาร์บอเนตจากกระบวนการท้าความสะอาดแก๊สเชื้อเพลิงชีวภาพด้วยกระบวนการดูด
ซึมแก๊ส
1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เพอศึกษาการผลิตแก๊สไฮโดรเจนและมีเทน โดยกระบวนการย่อยสลายร่วมแบบไร้อากาศ
ื่
ุ
สองขั้นตอนของน้้าทิ้งโรงงานสกัดน้้ามันปาล์ม (POME) และสาหร่ายพงชะโดทั้งในถังปฏิกรณ์แบบ
แบทช์และแบบป้อนต่อเนื่อง
1.3 ขอบเขตของการวิจัย
การวิจัยเน้นการศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการผลิตแก๊สไฮโดรเจนจากซับสเตรตร่วมของน้้า
o
ุ
ทิ้งโรงงานสกัดน้้ามันปาล์มและสาหร่ายพงชะโด ที่สภาวะเทอร์โมฟลิกซ์ (55 C) และการผลิตแก๊ส
ิ
o
ิ
มีเทนในสภาวะอณหภูมิห้อง (25-30 C) จากน้้าหมักการผลิตแก๊สไฮโดรเจนที่สภาวะเทอร์โมฟลิก
ุ
ขนาดระดับห้องปฏิบัติการ มีศึกษาดังต่อไปนี้
1.3.1 ศึกษาองค์ประกอบทางเคมีและทางกายภาพของ POME และสาหร่ายพุงชะโด
1.3.2 ศึกษาศักยภาพการผลิตแก๊สไฮโดรเจนและมีเทนในถังปฏิกรณ์แบบแบทช์จาก
ซับสเตรตที่อัตราส่วนผสมของ POME และสาหร่ายพุงชะโดต่างกัน
ิ
1.3.3 ศึกษาการเริ่มต้นและหาสภาวะที่เหมาะสมของอตราบรรทุกสารอนทรีย์ (OLR) และ
ั
ระยะเวลากักเก็บน้้า (HRT) ของถังปฏิกรณ์ผลิตไฮโดรเจนแบบถังกวนต่อเนื่อง (CSTR) ซึ่งมีปริมาตร
ใช้งานประมาณ 7 ลิตร โดยการป้อนซับสเตรตร่วมระหว่าง POME และสาหร่ายพงชะโดเข้าไปในถัง
ุ
o
ปฏิกรณ์ที่มีการควบคุมอุณหภูมิคงที่เท่ากับ 55 C
1.3.4 ศึกษาการเริ่มต้นหาสภาวะที่เหมาะสมของอตราบรรทุกสารอนทรีย์ (OLR) และ
ิ
ั
ระยะเวลากักเก็บน้้า (HRT) ของถังปฏิกรณ์ผลิตมีเทน Plug flow reactor (PFR) ซึ่งมีปริมาตรใช้งาน
ประมาณ 29 ลิตร โดยใช้น้้าทิ้งขาออกจากถังปฏิกรณ์ผลิตไฮโดรเจนเป็นซับสเตรตป้อนเข้าถังปฏิกรณ์
o
PFR ที่สภาวะอุณหภูมิห้อง (28-35 C)