Page 17 - 067
P. 17

3






                       เนื่องจากสาหร่ายรวมถึงพืชใต้น้้าสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วในพื้นที่ที่มีน้้าขัง ในแม่น้้าหรือใน
                       ทะเลโดยใช้สารอาหารหลักไนโตรเจน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และพลังงานจากดวงอาทิตย์ในการ
                       สังเคราะห์แสง (Cheewasedtham et al., 2009; Koyama et al., 2014) ดังนั้นจึงมีความเป็นไป
                       ได้ในการเพาะเลี้ยงพรรณไม้ใต้น้้าโดยการเชื่อมต่อกับระบบผลิตแก๊สชีวภาพ เนื่องจากน้้าทิ้งที่ผ่านการ

                       ย่อยสลายแบบไร้อากาศนั้นอดมด้วยสารประกอบไนโตรเจน ซึ่งเป็นธาตุที่จ้าเป็นส้าหรับการ
                                                 ุ
                       เจริญเติบโตของพรรณไม้ใต้น้้าและใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในรูปของสารละลายไบคาร์บอเนตจาก
                       ระบบดูดซึมแก๊สเพื่อท้าความสะอาดแก๊สชีวภาพ
                              ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในกระบวนการผลิตแก๊สชีวภาพโดยกระบวนการย่อยสลายร่วมแบบไร้

                                                                                             ื่
                       อากาศขั้นตอนเดียวของน้้าทิ้งโรงงานสกัดน้้ามันปาล์มและสาหร่ายน้้าจืดขนาดใหญ่ เพอเป้าหมายการ
                         ิ่
                                                                                         ิ
                                                                           ั
                       เพมผลได้มีเทนให้ถึงจุดคุ้มทุนทางเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ปัญหาอตราบรรทุกสารอนทรีย์เกิน (organic
                                           ั
                       overloading)  ท้าให้มีอตราการแตกตัวของซับสเตรตร่วมต่้าซึ่งส่งผลให้เกิดการผลิตมีเทนน้อย และ
                       เกิดความไม่เสถียรภายในถังปฏิกรณ์แนวทางที่มีศักยภาพและประหยัด ส้าหรับการแก้ปัญหาข้างต้น
                                                                                  ุ
                       คือการประยุกต์ใช้กระบวนการย่อยสลายแบบไร้อากาศสองขั้นตอนที่อณหภูมิต่างกัน (Two-stage
                       temperature  phased  anaerobic  digestion:  TPAD)  ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนการสร้างกรด
                       (Acidogenesis) หรือขั้นตอนการหมัก (Fermentation) ที่อณหภูมิเทอร์โมฟลิก (50-70  C) สามารถ
                                                                         ุ
                                                                                                ้
                                                                                      ิ
                       ผลิตแก๊สไฮโดรเจนควบคู่กับการผลิตกรดอนทรีย์จากสารอนทรีย์ประเภทคาร์โบไฮเดรตและขั้นตอน
                                                          ิ
                                                                       ิ
                                                                               ิ
                       การผลิตมีเทนจากกรดอินทรีย์ (Methanogenesis) ที่อุณหภูมิเมโซฟลิก (25-40  C) กระบวนการสอง
                                                                                         ้
                       ขั้นตอนดังกล่าว สามารถผลิตแก๊สเชื้อเพลิงชีวภาพซึ่งเป็นแก๊สผสมระหว่างแก๊สไฮโดรเจนและแก๊ส
                       มีเทนร้อยละ 10-30  ร้อยละ 70-90  โดยปริมาตร ตามล้าดับ มีชื่อทางการค้าว่าไฮเทน (Hythane)
                                                                                          ั
                       การผสมไฮโดรเจนปนกับมีเทนช่วยท้าให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีขึ้น และลดอตราส่วนอากาศต่อ
                       เชื้อเพลิง ส่งผลให้การเผาไหม้มีเทนมีความเสถียรมากขึ้น (Cooney et al., 2007; Ge et al., 2011)
                                                                              ิ
                                               ื่
                       โดยทั่วไปกระบวนการหมักเพอผลิตไฮโดรเจนที่อณหภูมิเทอร์โมฟลิกมีข้อดีที่เหนือกว่ากระบวนการ
                                                                ุ
                       หมักที่อุณหภูมิเมโซฟิลิก เช่น เพิ่มความสามารถในการละลายของสารประกอบอนทรีย์ท้าให้จุลินทรีย์
                                                                                        ิ
                                                                   ั
                                                                                              ิ
                                                                ิ่
                       สามารถแทรกเข้าไปเร่งปฏิกิริยาได้ดีขึ้น เป็นการเพมอตราการผลิตไฮโดรเจนและกรดอนทรีย์ ซึ่งช่วย
                       ลดระยะเวลากักเก็บน้้าในถังปฏิกรณ์ให้สั้นลง (Kongjan  et  al.,  2011)  นอกจากนี้แล้วปฏิบัติการ
                                                                                ุ
                       หมักที่อุณหภูมิเทอร์โมฟิลิกสามารถป้อนน้้าทิ้งโรงงานสกัดน้้ามันซึ่งมีอณหภูมิสูงเข้าถังปฏิกรณ์โดยไม่
                       ต้องพกรอให้มีอณหภูมิลดลง ช่วยให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถป้องกันการ
                                    ุ
                           ั
                       เกิดแก๊สชีวภาพตามธรรมชาติในบ่อพกน้้าได้ ซึ่งสามารถช่วยลดปัญหาการปล่อยแก๊สเรือนกระจกสู่
                                                      ั
                       บรรยากาศได้อีกทางหนึ่ง แก๊สมีเทนเป็นแก๊สเรือนกระจกที่มีความรุนแรงกว่าแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
                       ถึง 23 เท่า (Tilche and Galatola, 2008)
                                                                                            ั
                              งานวิจัยนี้ได้ศึกษาการใช้น้้าทิ้งจากโรงงานสกัดน้้ามันปาล์ม (บริษัท ปาล์มพฒนาชายแดนใต้
                                                                                                     ื่
                       จ้ากัด อ.หนองจิก จ.ปัตตานี)   มาย่อยสลายร่วมแบบไร้อากาศกับพรรณไม้ใต้น้้าขนาดใหญ่เพอการ
                                                                             ุ
                       ผลิตแก๊สไฮโดรเจนในขั้นตอนการผลิตกรดหรือการหมักที่สภาวะอณหภูมิเทอร์โมฟลิก และผลิตแก๊ส
                                                                                           ิ
                                                                                                    ุ
                       มีเทนจากสารละลายกรดที่เกิดขึ้นจากขั้นตอนการหมัก ในขั้นตอนการผลิตมีเทนที่สภาวะอณหภูมิ
                       เมโซฟิลิก โดยใช้พืชใต้น้้าจืดขนาดใหญ่ชนิดสาหร่ายพุงชะโด (Ceratophyllum demersum) ซึ่งเป็น
                          ื
                       วัชพชน้้าที่เจริญเติบโตเร็ว (Koyama  et  al.,  2014;  Chambers  et  al.,  2014) พรรณไม้ใต้น้้า
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22