Page 15 - 067
P. 15

บทที่ 1
                                                             บทน้า


                       1.1 ความส้าคัญ และที่มาของปัญหา
                              ประเทศไทยก้าลังเผชิญกับปัญหาราคาปิโตรเลียมสูง เนื่องจากปริมาณส้ารองปิโตรเลียมของ
                       โลกลดลงและภาวะโลกร้อน เนื่องจากการปล่อยแก๊สเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงปิโตรเลียม

                       ดังนั้นรัฐบาลไทยได้ประกาศนโยบายเรื่องแผนการพฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก
                                                                    ั
                       ร้อยละ 25  ในอีก 10 ปี ข้างหน้า (2555-2564) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาพลังงานทดแทนหมุนเวียนที่
                       ยั่งยืน (Renewable energy) ส้าหรับทดแทนเชื้อเพลิงจากปิโตรเลียม การผลิตแก๊สชีวภาพจากของ
                       เสียอินทรีย์และ/หรือชีวมวล เป็นเป้าหมายหนึ่งที่ส้าคัญในแผนการพฒนาฯดังกล่าว แก๊สชีวภาพซึ่งมี
                                                                               ั
                       องค์ประกอบหลักคือมีเทนประมาณร้อยละ 60-70 และคาร์บอนไดออกไซด์ร้อยละ 30-40 เกิดจาก
                       กระบวนการย่อยสลายสารอนทรีย์โดยใช้กลุ่มจุลินทรีย์ชนิดไม่ใช้อากาศไปเป็นสารรีดิวซ์และ
                                                ิ
                       ออกซิไดซ์ที่เสถียร ซึ่งได้แก่แก๊สมีเทนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ตามล้าดับ ในขณะเดียวกัน

                       กระบวนการย่อยสลายแบบไร้อากาศสามารถก้าจัดสารสารอนทรีย์ได้สูงกว่าร้อยละ  90-95
                                                                            ิ
                       (Chan et al., 2010; Zinatizadeh et al., 2007) ดังนั้นการประยุกต์ใช้กระบวนการย่อยสลายแบบ
                                ื่
                       ไร้อากาศเพอการผลิตแก๊สชีวภาพจากน้้าทิ้งโรงงานสกัดน้้ามันปาล์มซึ่งเป็นของเสียอนทรีย์จึงถือเป็น
                                                                                            ิ
                       การผลิตพลังงานทดแทนควบคู่ไปกับการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมี
                              ุ
                       โรงงานอตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรมากกว่า 200  โรงงานได้ติดตั้งระบบผลิตแก๊ส
                       ชีวภาพจากน้้าเสียของโรงงาน จากจ้านวนกลุ่มโรงงานทั้งหมดที่ได้ติดตั้งระบบผลิตแก๊สชีวภาพ
                       ดังกล่าวนั้นมีกลุ่มโรงงานสกัดน้้ามันปาล์มอยู่ประมาณ 35 โรงงานซึ่งมีจ้านวนโรงงานสูงเป็นล้าดับที่ 3
                       รองจากกลุ่มโรงงานผลิตแป้งมันส้าปะหลังและแป้งมัน (72 โรงงาน) และกลุ่มโรงงานผลิตอาหารและ

                       เครื่องดื่ม (42 โรงงาน) (กรมโรงงานอุตสาหกรรม, 2553)
                                                            ุ
                              โรงงานสกัดน้้ามันปาล์มเป็นหนึ่งในอตสาหกรรมหลักที่ส้าคัญในภาคใต้ของประเทศไทย แต่
                       กระบวนการสกัดน้้ามันปาล์มแบบมาตรฐานหรือแบบเปียกเป็นกระบวนการที่ใช้ไอน้้าและน้้าช่วยใน
                       การสกัดดังนั้นจึงเกิดน้้าเสียจากขั้นตอนต่าง ๆ ในกระบวนการสกัดเป็นปริมาณมาก การผลิตน้้ามัน

                       ปาล์มทุก ๆ 1 ตัน จะเกิดการผลิตน้้าทิ้งโรงงานสกัดน้้ามันปาล์ม (Palm Oil Mill Effluents: POME)
                       2.5  ตันในประเทศไทยมีการผลิตน้้ามันปาล์ม 1.35  ล้านตันในปี 2010  และเกิดการผลิตของน้้าทิ้ง
                       โรงงานสกัดน้้ามันปาล์ม 6 ล้านลูกบาศก์เมตร (Prasertsan et al., 2009; O-Thong et al., 2008)
                                                             ี
                                                                                              ิ
                       น้้าทิ้งโรงงานสกัดน้้ามันปาล์มมีลักษณะเป็นอมัลชันสีน้้าตาลเข้มและมีปริมาณสารอนทรีย์สูง โดย
                       ความเข้มข้นประมาณ 44-103 g-COD/L และถูกจัดเป็นของเสียที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
                                                                               ิ
                       สูงน้้าทิ้งโรงงานสกัดน้้ามันปาล์มซึ่งมีปริมาตรและความเข้มข้นสารอนทรีย์สูงได้ถูกจัดให้เป็นวัตถุดิบ
                       (Feedstock)  ที่มีศักยภาพส้าหรับการผลิตแก๊สชีวภาพด้วยกระบวนการย่อยสลายแบบไร้อากาศ
                       ถึงแม้ว่าโรงงานอตสาหกรรมน้้ามันปาล์มส่วนใหญ่ได้ติดตั้งระบบบ้าบัดน้้าเสียด้วยกระบวนการย่อย
                                     ุ
                                          ื่
                                                     ิ
                       สลายแบบไร้อากาศเพอบ้าบัดสารอนทรีย์ควบคู่กับการผลิตแก๊สชีวภาพเนื่องจากข้อก้าหนดทาง
                       กฎหมาย แต่ยังมีประสบปัญหาหลักในการด้าเนินการได้แก่การมีประสิทธิภาพในการบ้าบัด
                       สารอนทรีย์และผลิตแก๊สชีวภาพได้ต่้า (Chin et al., 2013; Harsono et al., 2013) เนื่องจากการใช้น้้า
                           ิ
   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20