Page 205 - 045
P. 205

183







                                     2. ขั้นตอนการตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับอนาคต พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก

                                                                   ึ
                                                   ิ
                                                                          ื
                       โดยข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ผู้บรหารมีการชูรอ (ปรกษาหารอ) ระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
                       ผู้มีประสบการณ์ หรอผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการคาดการณ์เกี่ยวกับอนาคต รองลงมาคือ
                                        ื
                                                                                                      ิ
                       ผู้บริหารมีการวิเคราะห์ SWOT ใช้ประเมินสถานการณ์เพื่อคาดการณ์เกี่ยวกับอนาคต และผู้บรหาร
                                                      ั
                       มีการน านโยบาย ข้อมูล ข่าวสาร ทรพยากรทางด้านการบรหารมาใช้ในการพิจารณาจัดท าแผน
                                                                          ิ
                                                                    ้
                       ตามล าดับ ซึ่งสอดคล้องกับ (Al-Buraey,1994 : 387 อางถึง Ali Mohammad Jubran Saleh) ที่กล่าว
                                      ื
                       ว่า การปรกษาหารอหรอชูรอเป็นการค้นหาข้อแนะน าและความคิดเห็นที่เหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญ
                               ึ
                                                                                       ุ
                                                 ื
                       หลังจากนั้นจึงเอาข้อแนะน าหรอข้อคิดเห็นนั้นๆมาพิจารณาเพื่อที่จะได้ข้อสรปที่ใกล้เคียงกับความ
                         ิ
                                                                          ้
                       จรงมากที่สุด และยังสอดคล้องกับ (Qutub, S. 1982 : 501 อางถึง Ali Mohammad Jubran Saleh)
                                                                                                    ิ
                       ได้กล่าวว่า ในหมู่ประชาชาติมุสลิมต่อหลักการปรกษาหารอที่ส าคัญนี้ ความจรงระบบอสลาม
                                                                                            ิ
                                                                           ื
                                                                   ึ
                       ไม่สามารถที่จะสรางขึ้นโดยปราศจากหลักการชูรอ และอาจเป็นเพราะว่าบางโรงเรยนนอกจาก
                                       ้
                                                                                               ี
                                                            ื่
                       จะใช้เทคนิคการวิเคราะห์ SWOT ซึ่งเป็นเครองมือมาใช้ในขั้นตอนการตั้งสมมติฐานแล้ว โรงเรยน
                                                                                                       ี
                       ยังได้มีการน าเทคนิคการวิเคราะห์ใหม่ๆมาใช้ อาทิเช่น การใช้แนวคิด BSC  (Balanced Scorecard)
                       ในการบรหารจัดการสมัยใหม่ จะเห็นได้ว่าแนวคิด BSC  มาวิเคราะห์ ไม่เพียงแค่ในระบบราชการ
                               ิ
                                                   ี
                       ของไทยเท่านั้นที่น ามาใช้ โรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลามก็ยังได้น าแนวคิดประยุกต์ใช้ใน
                                                                        ิ
                       สถานศึกษาของตนด้วยเช่นเดียวกัน ดังกล่าวนี้สอดคล้องกับการวางแผนและการก าหนด

                       ยุทธศาสตร คณะครศาสตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (2553) ที่ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิด
                                              ์
                                        ุ
                                 ์
                                       ิ่
                       ของ BSC ว่า โดยเรมต้นแล้ว BSC มีจุดก าเนิดขึ้นมาเนื่องจากต้องการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการ
                       ด าเนินงานและความสามารถในการแข่งขันขององค์การธุรกิจ และแนวคิดนี้ก็ได้น ามาประยุกต์ใช้

                       ในหน่วยราชการเพิ่มมากขึ้น  ส านักงาน ก.พ.ร.  ได้พัฒนากรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการ

                       ตามค ารบรองการปฏิบัติราชการของส่วนราชการประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ซึ่งประกอบด้วย
                             ั
                       มุมมอง 4 มิติ ดังนี้ มิติที่ 1 มิติด้านประสิทธิผล มิติที่ 2 มิติด้านคุณภาพการให้บรการ มิติที่ 3 มิติด้าน
                                                                                         ิ
                       ประสิทธิภาพของการปฏิบัติราชการ และมิติที่ 4 มิติด้านการพัฒนาองค์การ สอดคล้องกับนัสรนทร์
                                                                                                      ั
                       สาแลมา (2558) ที่ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้บรหารจะมีการปรกษาหารอรวมกันกับคณะครที่โรงเรยน
                                                                                 ่
                                                                       ึ
                                                                                                       ี
                                                         ิ
                                                                              ื
                                                                                                ู
                       เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลใช้ในการประเมินสถานการณ์ มีการปรกษาหารอกับผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจน
                                                                            ึ
                                                                                   ื
                                ื
                                                  ี
                         ึ
                                                                                 ุ
                       ปรกษาหารอกับผู้ปกครองนักเรยนเพื่อที่สามารถสะท้อนถึงปัญหา อปสรรค รวมถึงจุดเด่นจุดด้อย
   200   201   202   203   204   205   206   207   208   209   210