Page 38 - 032
P. 38
18
ื่
็
มาอย่างต่อเนอง โดยแบ่งเปนช่วงเวลาส าคัญได้ดังน้ ี
ี่
ี
ช่วงท 1ระหว่าง พ.ศ. 2453 – 2478 ในป พ.ศ. 2453 ราษฎรกับทางราชการได้
ี
ู
ื่
ึ
ร่วมกันจัดสรางโรงเรยนประถมศกษาขึ้นแห่งแรกในจังหวัดสตล ชอ “โรงเรยนไทย – มลายู”
้
ี
ิ
ั
ี
ั
ื่
ี
ปจจุบันคือโรงเรยนสตูลวิทยา เปดสอนวิชาภาษาไทย ภาษาอาหรบและภาษามลายู ทั้งน้ เนองจาก
ื่
ื่
ราษฎรส่วนใหญ่สอสารกันด้วยภาษามลายู ภาษาไทยใช้ตดต่อกับราชการ และสอสารกับคนนอก
ิ
ี
ี
ี
ี
พื้นที่ ส าหรับภาษาอาหรับใช้เพื่อการเรยนอัลกุรอาน โรงเรยนแห่งน้มนายเจ๊ะหมาด (ขณะนั้นยังไม่
ิ
ู
็
ี
มพระราชบัญญัตินามสกุล) เปนครใหญ่คนแรก (กระทรวงศึกษาธการ, 2543 )
ึ
บุญเสรม ฤทธาภิรมย์ (2542) ได้กล่าวถงโรงเรยนแห่งแรกของจังหวัดสตลไว้ใน
ู
ี
ิ
ื
ื
ู
ี
ี่
ื่
ื่
รวมเรองเมองสตลว่า โรงเรยนแห่งแรกทจัดตั้งขึ้นในเมองสตลนั้นชอ โรงเรยนไทย – มลายู ม ี
ี
ู
ลักษณะเปนโรงเรยนประชาบาล เพราะได้รับความร่วมมอจากราษฎรในท้องถ่นร่วมกับทางราชการ
็
ี
ิ
ื
ี
ี่
ี
ในการสราง และทน่าสังเกตและน่าสนใจคือ โรงเรยนดังกล่าวน้ได้ท าการสอนทั้งภาษาไทยและ
้
ภาษามลายูควบค่กัน
ู
ี่
ี
ี
ั
ช่วงที่ 2 ระหว่าง พ.ศ. 2478 – 2490 ส าหรบในช่วงน้มหลักฐานปรากฏทชัดเจนว่า
ี
ิ
ี
ี
ได้มการเรยนการสอนศาสนาอสลามในโรงเรยนประถมศึกษา โดยเฉพาะในจังหวัดสตูล ม ี
ู
ี
ื
ุ
ุ
ุ
ุ
ู
หลักฐานระบจากสมดหมายเหตรายวันของบ้านจน ตั้งอยู่ต าบลฉลง อ าเภอเมองสตล จังหวัดสตล
ี
ู
ี่
ื่
ี
ุ
ู
ี
ั
ึ
ุ
ื
(ปจจบันคือโรงเรยนอนบาลเมองสตล) โดยมนายรน จันทรมณ ครใหญ่ บันทกไว้ว่า วันท 1
ี
ุ
ิ
ู
มถนายน 2478 วันน้ข้าพเจ้าได้น าฮะยี ดเกส ครสอนภาษามลายูมาบรรจุในต าแหน่งสอนภาษามลายู
ิ
ิ
ี
และภาษาอาหรับ เพื่อเพาะปลกความนยมในการศกษาลัทธศาสนาให้ดขึ้น เหนว่าเปนนโยบายทด ี
็
ิ
็
ู
ึ
ี่
์
์
แต่บรรจุในต าแหน่งพิเศษ คือให้สอนสัปดาห์ละ 6 ชั่วโมง คือสอนวันจันทร วันพุธ และวันเสาร วัน
ิ
ละ 2 ชั่วโมง (กระทรวงศึกษาธการ, 2543)
ี่
ิ
ช่วงท 3 ระหว่าง พ.ศ. 2491 – 2499 การสอนศาสนาอสลามในโรงเรยนในช่วงน้ ี
ี
ิ
ู
ี
ู
ั
เร่มมรปแบบและหลักฐานต่าง ๆ ชัดเจนมากขึ้นในจังหวัดสตล สมัยรฐบาลของจอมพล ป.พิบล
ู
ื่
ี่
สงคราม สมัยที่ 3 (ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมอวันท 8 เมษายน พ.ศ.2491) นายเจ๊ะอับดลลาห์
ุ
ู
หลังปเต๊ะ สมาชกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสตลในขณะนั้น เปนรฐมนตรช่วยว่าการ
ี
ั
็
ิ
ู
่
ึ
ิ
ิ
ี่
กระทรวงศึกษาธการได้รับข้อเสนอแนะและร้องขอจากราษฎรทนับถอศาสนาอสลามส่วนหนงให้
ื
ิ
ิ
ุ
ี
ท าการเปดสอนภาษามลายูและศาสนาอสลามในโรงเรยนประถมศึกษา เนองด้วยเหตผลว่ามราษฎร
ี
ื่
ี่
ิ
ื่
ี
ิ
ื
ึ
จ านวนไม่น้อยทใช้ภาษามลายูสอสารในชวิตประจ าวัน ส่วนวิชาศาสนาอสลามหรออสลามศกษา
ู
้
นั้นมตัวบทในอัลกุรอานและอัลหาดษวัจนะของท่านนบมฮ าหมัด ให้ทุกคนต้องเรยนรใน
ี
ี
ู
ี
ี
ั
่
ึ
็
ึ
ระดับ “ฟรฎอัยน์” ซงเปนการศกษาศาสนาภาคบังคับ นอกจากนั้นยังได้ขอให้หยุดราชการในวัน
ู