Page 76 - 023

ั
เมื่อศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยด้านแรงจูงใจกับการปรบตัวด้านอตมโนทัศน์ของ
ั
ั
ั
เจ้าหน้าที่ต ารวจ พบว่า รายได้พิเศษมีความสัมพันธ์กับการปรบตัวด้านอตมโนทัศน์ของเจ้าหน้าที่
ต ารวจ โดยการปรบตัวด้านอตมโนทัศน์ของเจ้าหน้าที่ต ารวจ แปรผันตามรายได้พิเศษ (B=0.394)
ั
ั
ั
อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติระดับ 0.001 ในขณะที่การปรบตัวด้านอตมโนทัศน์ของเจ้าหน้าที่ต ารวจ
ั
จะแปรผกผันกับการได้รบการเลื่อนขั้นเงินเดือน (สองขั้น) (B= -0.260) อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ
ั
ระดับ 0.001 รายละเอียดดังตาราง 12 สามารถแสดงสมการพยากรณ์ ในรูปคะแนนดิบได้ดังนี้
สมการพยากรณ์ สามารถแสดงในรูปคะแนนดิบได้ดังนี้

y = 3.698+.394(รายได้พิเศษ)-.260(การได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน)

โดยที่ y แทน การปรับตัวด้านอัตมโนทัศน์ของเจ้าหน้าที่ต ารวจ

X แทน ปัจจัยด้านแรงจูงใจ

ั
ั
ตาราง 12 ค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยของปัจจัยด้านแรงจูงใจที่มีผลต่อการปรบตัวด้านอตมโนทัศน์
ของเจ้าหน้าที่ต ารวจ

ตัวแปร B Beta t p-value

รายได้พิเศษ .394 .347 6.841 .000

การได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน (สองขั้น) -.260 -.233 -4.594 .000

ค่าคงที่ (Constant) 3.698 72.622 .000

2
2
R = .378 R = .143 R adj = .138 SEE = .515

ั
จากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับการปรบตัวด้านบทบาท

หน้าที่และด้านอตมโนทัศน์ของเจ้าหน้าที่ต ารวจ พบว่าความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับ
ั
ั
การปรบตัวด้านบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ต ารวจ อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 คือ
ระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ั
ั
คือ ระดับชั้นยศ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับการปรบตัวด้านอตมโนทัศน์
ของเจ้าหน้าที่ต ารวจ อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 คือ ระดับการศึกษา รวมทั้งความสัมพันธ์

65