Page 71 - 022
P. 71
71
ี่
ั
ค าว่า อะดาละฮ์ ( ) เปนภาษาอาหรบทมาจากรากศัพท์อัลอัดล์ ( ) ซงในทางภาษา
่
ึ
็
ึ
ึ
ิ
ึ
หมายถงความเทยงธรรม ยุตธรรม หรอความถกต้องทเกิดข้นในจตใจ ซงตรงกันข้ามกับค า
่
ี่
ู
ี่
ิ
ื
์
ึ
ิ
ิ
ื
ว่าอัลเญาร ( ) หมายถงความอยุตธรรมและการละเมด (Ibn Manzur, n.d.: 4/2838) หรออัลอัดล์
ื
ึ
็
ึ
ี่
ิ
ึ
หมายถงการงานทเปนสายกลางทไม่ตงขงหรอหย่อนยานเกินไป อัลรอฆบ ( ) กล่าวว่าอัล
ี่
ี่
ี
ั
อัดล์มสองความหมาย คอ 1) ส่งทปญญาตัดสนว่าเปนความดงามทจรงแท้โดยไม่เปลยนแปลงตาม
็
ื
ิ
ี่
ิ
ี่
ี
ิ
ึ
่
ื
ึ
่
กาลเวลา และไม่ถอว่าเปนการข่มเหงรงแกอกฝายหนง 2) ความยุตธรรมในกรอบของกฎหมาย ซง
ี
ั
็
่
ิ
อาจมการเปลยนแปลงตามกาลเวลาและยุคสมัย (Al-Zabidi, 1997: 443-444)
ี่
ี
ี
็
ส าหรบนักหะดษและนักฟกฮ์ได้ก าหนดความเปนอะดาละฮ์เปนหนงในเงอนไขหลักใน
่
ึ
ื่
็
ั
ิ
ั
ี
ุ
ื
ื
็
ิ
ี
ี่
การยอมรบการรายงานหะดษ โดยก าหนดคณสมบัตผู้ทจะถอว่าเปนอะดาละฮ์ดังน้ คอ 1) จะต้อง
ี
็
ิ
ุ
ั
ุ
ุ
เปนมสลม 2) บรรลศาสนภาวะ 3) มสตปญญาทสมบูรณ 4) ปลอดจากมูลเหตของความเปนฟาสก
ี่
์
ิ
็
ิ
็
ี่
ิ
(การกระท าทเปนบาป) และ 5) ปลอดจากส่งทท าลายเกียรตและศักด์ศรของตนเอง (Al-Tahhan,
ิ
ี
ี่
ิ
ี
1415: 111) ในนัยของศาสตรหะดษความเปนอะดาละฮ์ของเศาะหาบะฮ์นั้น หมายความว่า เศาะ
์
็
ุ
ื
็
ื
ิ
หาบะฮ์ทกท่านปราศจากการโกหกหรอบดเบอนรายงานโดยตั้งใจ อันเปนเหตท าให้ไม่สามารถ
ุ
ุ
ื
ุ
ื
ื่
ื่
ึ
ี
็
เชอถอในรายงานได้ ด้วยเหตน้รายงานของเศาะหาบะฮ์ทกท่านจงสามารถเชอถอได้โดยไม่จ าเปน
1
์
ี
ี
ึ
ุ
จะต้องพิสจนถงความมอะดาละฮ์ แม้ว่าเศาะหาบะฮ์บางท่านมส่วนเกี่ยวข้องกับเหตการณฟตนะฮ์
ิ
ู
์
็
ึ
่
ื
ิ
ก็ตาม ซงถอว่าเปนผลจากการอจญ์ตฮาดของพวกเขา (Al-Tahhan, 1415: 152)
ิ
ึ
ุ
ิ
อัลญรญานย์ (Al-Jurjani, 1985: 152) ได้ให้นยามอะดาละฮ์ในเชงภาษาว่า หมายถงการยืน
ิ
ี
หยัด การด ารงอยู่ ( ) ส่วนความหมายในทางชะรอะฮ์หมายถง การยืนหยัดอยู่ในแนวทางท ี่
ี
ึ
ี่
ิ
ิ
ู
ิ
ั
ถกต้องและห่างไกลจากส่งทศาสนาได้ห้ามไว้ ส าหรบนักฟกฮ์ได้ให้ความหมายในเชงวิชาการว่า
ึ
ุ
หมายถง ผู้ทห่างไกลจากบาปใหญ่ และไม่หมกม่นอยู่กับการกระท าบาปเล็ก ตลอดจนห่างไกลจาก
ี่
พฤตกรรมอันน่ารงเกียจต่างๆ เช่น ทานอาหารในขณะทเดน หรอยืนถ่ายปสสาวะข้างทาง เปนต้น
ั
็
ี่
ิ
ิ
ั
ื
ี่
ื
็
ี
ื
ี่
ุ
ี่
็
เศาะหาบะฮ์ทกท่านถอว่าเปนผู้ทอยู่ในแนวทางทเทยงตรงหรอเปนผู้ททรงธรรม มความ
ี่
ี
็
ี
ู
เปนอะดาละฮ์ในตัวโดยไม่จ าเปนจะต้องพิสจน ดังทอัลคอฏบ อัลบัฆดาดย์ (Al-Khatib al-
์
็
ี่
Baghdadi, n.d.: 46) ได้กล่าวไว้ว่าหะดษแต่ละบทจ าเปนอย่างยิ่งทจะต้องตรวจสอบความต่อเนอง
ื่
ี
็
ี่
็
ึ
ของสายรายงานจนถงท่านนบ และจะต้องตรวจสอบความเปนอะดาละฮ์ของผู้รายงานแต่ละท่าน
ี
ด้วย จงสามารถน ามาใช้หะดษบทนั้นได้ ยกเว้นผู้รายงานในระดับเศาะหาบะฮ์ เพราะว่าเศาะหาบะฮ์
ี
ึ
็
ี
ั
ี
้
ู
ุ
ี่
ึ
่
็
ฺ
ทกท่านเปนทรกันดว่ามความเปนอะดาละฮ์ในตัวอยู่แล้ว ซงพระองค์อัลลอฮได้ทรงรบรองความ
็
ิ
ึ
ุ
เปนอะดาละฮ์ของพวกเขา ทรงบอกถงความบรสทธ์ ิของพวกเขาและทรงยกย่องสรรเสรญพวกเขา
ิ
1 หมายถงเหตุการณความไม่ลงรอยกันในจุดยืนซงน าไปส่การนองเลอดกันระหว่างเศาะหาบะฮ์ด้วยกัน
ึ
ู
์
ึ
่
ื