Page 492 - 022
P. 492
492
ี
6. ใช้สถาบันการศกษา สถาบันศาสนา สถาบันตลาการและองค์สตรมสลมทมอยู่ในสาม
ิ
ุ
ึ
ุ
ี่
ี
ี
็
ื่
จังหวัดชายแดนภาคใต้เปนกลไกในการขับเคลอนและพัฒนาบทบาทของสตรไทย
ุ
ิ
ี
มสลมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สอดคล้องกับบทบาทของเศาะหาบยาต
่
ึ
ู
ี
ิ
ิ
ิ
ี
็
ุ
ี
ี่
การน าสตรมสลมกลับไปส่การปฏบัตของเศาะหาบยาตในอดตเปนหนทางหนงทส าคัญใน
ุ
ุ
ั
ิ
ี
ิ
่
่
ี
ึ
ิ
ุ
การยับยั้งสภาวะการตกต าของสตรมสลมในปจจบัน ซงสอดคล้องกับความคดของอบน ตัยมยะฮ์
ี
ี
ี่
่
ี
ี่
(เสยชวิตป ค.ศ. 1328) ทกล่าวไว้ว่า หนทางเดยวทจะสามารถกอบกู้และเยียวยาสภาวะความตกต า
ี
ิ
ิ
ู
ุ
ิ
ั
ุ
ิ
ของประชาชาตมสลมในปจจบันได้ก็คอ การหวนกลับไปส่การท าความเข้าใจและปฏบัตตามมสลม
ื
ุ
ิ
ิ
ี่
ในยุคดั้งเดม (The Normative Practices) (Bin Haji Othman, 1993: 114) ซงยุคดั้งเดมทสดและ
ุ
ึ
ิ
่
ิ
ุ
ิ
ี
์
ุ
ิ
ื
ี่
ประเสรฐทสดในประวัตศาสตรอสลามก็คอ ยุคสมัยของท่านนบมหัมมัด
เปนทยอมรบว่าสังคมมสลมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยในทกระดับชั้น
ั
ุ
ิ
ี่
็
ุ
้
มองค์ความรเกี่ยวกับเศาะหาบยาตในระดับทน้อยมาก แม้ว่าในพื้นทสามจังหวัดชายภาคใต้ม ี
ี่
ี่
ี
ี
ู
ิ
ื
็
ึ
ุ
ี
ิ
สถาบันการศกษาอสลามเปนจ านวนมาก กล่าวคอมปอเนาะจ านวน 255 แห่ง (อับดชชะกูร บนชาฟ ิ
์
ิ
อย์, 2009) มีโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลามจ านวน 157 แห่ง (มูหามัดรยาน บากา, 2554: 2)
ี
ี
ี
ู
ี่
ี
และมีมหาวิทยาลัยทมการเรยนการสอนเกี่ยวกับอสลามอกจ านวน 4 แห่ง แต่ยังไม่ปรากฏม ี
ี
ี
ิ
ึ
ี่
ี่
ู
ึ
การศกษาทเกี่ยวกับเรองสตรมสลมศกษาทเปนระบบมหลักสตรทชัดเจน ในขณะทโลกตะวันตกม ี
ี่
ี
ี่
ี
ุ
ื่
็
ิ
ี
การพัฒนาการศกษาเกี่ยวกับสตร (Women Studies) อย่างรวดเรวมาก เฉพาะในประเทศ
็
ึ
ี
ึ
ั
ี
ึ
สหรฐอเมรกาประเทศเดยวมการจัดการศกษาเรองสตรมากถง 395 แห่ง (ยูโซะ ตาเละ, 2555: 347)
ี
ิ
ื่
ื่
ึ
้
ู
ี
ิ
ุ
ี่
ึ
ุ
ด้วยเหตน้จงไม่แปลกทสังคมมสลมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าถงองค์ความรเกี่ยวกับเรอง
ุ
ิ
ี
ี
สตร สตรมสลมหรอเศาะหาบยาตได้น้อยมาก ความจรงแล้วสถานภาพ บทบาทและสทธของสตร ี
ิ
ื
ิ
ิ
ี
็
ุ
ิ
ี่
ในอสลามเปนสถานภาพทก าหนดโดยศาสนาบนพื้นฐานของหลักค าสอนของอัลกุรอานและสน
ิ
ุ
ิ
นะฮ์ของนบมหัมมัด ดังนั้นการเพิกเฉยหรอการปฏเสธสถานภาพและสทธของสตรในอสลาม
ิ
ี
ื
ิ
ี
นั้นเสมอนหนงเปนการปฏเสธหลักการของอสลามโดยตรง (ยูโซะ ตาเละ, 2555: 353)
็
่
ึ
ื
ิ
ิ
การรบรใหม่เกี่ยวกับบทบาทสตรในอสลาม ไม่เพียงแต่ท้าทายเฉพาะสังคมมสลมในสาม
ู
ั
ิ
ิ
ี
ุ
้
ุ
ึ
ึ
็
่
ิ
จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น แต่เปนการท้าทายต่อโลกมสลมโดยรวมซงปรากฏข้นตั้งแต่ต้น
ู
ู
ิ
ุ
ี่
ึ
ิ
ุ
ศตวรรษท 18 โดยนักคดมสลมแนวปฏรป (Muslim Reformist) ฟารกีย์ ได้กล่าวถงจดเร่มต้นของ
ิ
ิ
การรบรใหม่เกี่ยวกับบทบาทสตรในอสลามว่า การน าเสนอกระบวนการคดทอสระภายใต้กรอบ
ู
ี
ั
ิ
้
ิ
ิ
ี่
ิ
ความคดของอสลามและการปฏรปสถาบันต่างๆ ส่ความเปนสมัยใหม่ภายใต้การเปลยนแปลงบรบท
ิ
็
ี่
ิ
ู
ิ
ู
ิ
็
ุ
้
ิ
ทางสังคมเปนจดเร่มต้นแห่งการรบรใหม่ในบรบททเปนบทบาทของผู้หญงในอสลาม (ยูโซะ
ิ
ี่
ิ
ั
ู
็
ิ
ี
ตาเละ, 2555: 363-364) ในป ค.ศ. 1980 มการจัดสัมมานานาชาตทประเทศคูเวตเกี่ยวกับสทธ ิ
ี
ิ
ี่
ิ
ุ
ิ
มนษยชนในอสลาม จัดโดยคณะกรรมาธการนักกฎหมายนานาชาต (International Commission of
ิ