Page 485 - 022
P. 485
485
ี
่
์
ู
การละหมาดและจายซะกาต และภักดตออลลอฮและรสลของพระองค ชนเหลาน้ ี
ฺ
ั
่
่
ฺ
แหละ อลลอฮฺจะทรงเอ็นดูเมตตาแกพวกเขา แทจรงอลลอฮนั้นเปนผูทรงเดชานุ
ิ
็
้
่
ั
ั
้
้
ภาพ ผูทรงปรชาญาณ” (Al-Tawbah 9: 71)
ี
็
ื
ี่
ิ
จากโองการข้างต้นเปนทประจักษ์ว่าอสลามไม่ได้แยกภารกิจหรอบทบาทระหว่างบคคล
ุ
ิ
ื
ั
็
ตามเพศสภาวะอย่างเดดขาดตายตัว กล่าวคอ ผู้หญงรบผิดชอบเฉพาะภารกิจภายในบ้านเท่านั้น
ิ
ิ
ุ
ั
ส่วนผู้ชายรบผิดชอบภารกิจนอกบ้าน แต่ความจรงแล้วทั้งเพศชายและเพศหญงจะต้องเกื้อหนน
ช่วยเหลอและเตมเต็มซงกันและกันเพื่อให้ภารกิจหรอบทบาทของแต่ละบคคลประสบความส าเรจ
่
ื
ึ
ิ
็
ื
ุ
ี
ทั้งทเปนภารกิจทเกี่ยวกับครอบครวหรอสังคมส่วนร่วม ในบางกรณสตรจะต้องเข้าไปมส่วนร่วม
ั
ี
ื
ี
ี่
็
ี่
ี่
ุ
็
ั
ี่
รบผิดชอบโดยตรงต่อสังคม ดังทอบู ชกเกาะฮ์ ได้อธบายลักษณะการงานทเปนฟรฎ กิฟายะฮ์ของ
ิ
ั
ู
ั
็
ี
่
ึ
ี
็
ื
ี่
็
สตรซงตอบสนองความจ าเปนทางสังคมว่า บางคร้งเปนงานทเปนเฉพาะทางของสตรโดยตรง หรอ
ี
่
ี
ึ
ี่
็
็
ี
การงานทต้องการการมส่วนร่วมของสตร และในบางกรณเปนการงานซงในลักษณะพื้นฐานเปน
ื่
็
ิ
ของผู้ชายเปนการเฉพาะ แต่เนองจากข้อจ ากัดของจ านวนทรพยากรชาย จงจ าเปนต้องเสรมด้วย
ึ
ั
็
็
ทรพยากรสตรเข้าไปช่วยเพื่อสนองตอบความจ าเปนของสังคม เช่น อาชพคร แพทย์ และการ
ี
ี
ู
ั
ู
้
็
ึ
็
็
ี
ู
ี
ี
ิ
ให้บรการพยาบาลแก่สตร การอบรมเล้ยงดเดกๆ การเล้ยงดเดกก าพราและเดกเร่ร่อน รวมถงการ
ให้บรการอนๆ ทางสังคม (Abu Syuqqah, 1999: 2/428-429) ในสมัยของท่านนบมหัมมัด มี
ื่
ิ
ุ
ี
ู
ิ
หลักฐานปรากฏชัดว่ามบรรดาเศาะหาบยาตจ านวนไม่น้อยได้ออกญฮาดส่สมรภมสงครามอย่าง
ี
ู
ิ
ี
ุ
ี
ี
ุ
เคยงบ่าเคยงไหล่กับบรษ (Bukhari: 2879; Muslim: 1812; Al-Waqidi, n.d.: 1/268-270) ทั้งๆ ท ี่
ู
ี่
็
ุ
ี
ิ
ิ
ุ
การญฮาดในสมรภมสงครามนั้นเปนหน้าทของบรษโดยตรง อกทั้งบรรดาอลมาอ์ได้ก าหนดความ
ุ
ี่
ื่
่
็
ึ
็
ิ
เปนเพศชายเปนเงอนไขหนงของผู้ทจะออกญฮาด (Ibn Qudamah, 1997: 13/8)
ี่
ิ
ี
็
ดังนั้นการทเศาะหาบยาตเข้าร่วมญฮาดในสมรภูมสงครามแสดงให้เหนว่าสตรสามารถทจะ
ิ
ี
ี่
ช่วยเหลอและเกื้อหนนในบทบาททเปนภารกิจของบรษโดยเฉพาะ แต่มได้หมายความว่าสตรทกคน
ี
็
ุ
ิ
ี่
ุ
ุ
ื
ุ
็
ี่
ี่
้
ี่
ี
สามารถทจะกระท าได้ตามอ าเภอใจอย่างไรขอบเขต การทสตรจะล่วงล ้าไปในบทบาทเฉพาะทเปน
ุ
่
ุ
ึ
่
ึ
ึ
ึ
็
ของบรษนั้นนอกจากต้องค านงถงศักยภาพและความพรอมของนางแล้ว ยังต้องค านงถงความจ าเปน
้
็
ื
ของสังคมอกด้วย ซงเปนอ านาจของผู้น ารฐโดยตรงทจะวินจฉัยว่าสังคมมความจ าเปนหรอไม่และ
ิ
็
ึ
ี
่
ี่
ี
ั
ี่
จะอนญาตให้พวกนางเข้าร่วมในบทบาทเหล่านั้นหรอไม่ ดังทท่านนบมหัมมัด ได้วินจฉัย
ื
ิ
ุ
ี
ุ
ิ
ี
่
ิ
ึ
ุ
์
อนญาตให้นางอมัยยะฮ์ บนต์ ก็อยสพรอมกับสตรจากเผ่าฆฟารกล่มหนงเข้าร่วมสงครามค็อยบัร
้
ุ
์
ุ
(Ibn Sa‘d, 1990: 8/227) แต่ในขณะเดยวกันท่านนบมหัมมัด ได้วินจฉัยไม่อนญาตให้นางอมม์
ุ
ิ
ุ
ี
ี
ุ
ิ
วะรอเกาะฮ์เข้าร่วมญฮาดในสงครามบัดร (Ibn Hajar, 1853: 8/289)
ี
ี
ี
ื
ื
เศาะหาบยาตแต่ละท่านไม่ได้มบทบาทเหมอนกันหรออยู่ในระดับเดยวกันทั้งหมด ทั้งน้ ี
ื
ื่
้
เพราะว่าศักยภาพและความพรอมของแต่ละท่านไม่เหมอนกัน แต่อย่างไรก็ตาม เนองจากเศาะหาบ ี