Page 122 - 001
P. 122

111


                   เมืองไบถาโน (พม่า) บูกิต เตงกู เลมบู ในเมืองเปอร์ลิส (มาเลเซีย) และเมืองโบราณตารุมา

                   (อินโดนีเซีย) เป็นต้น

                          ส่วนในประเทศไทยนั้น พบภาชนะดินเผาแบบรูแลตด์ครั้งแรกจากการขุดค้นที่แหล่ง

                   โบราณคดีภูเขาทอง เขตกิ่งอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง การพบภาชนะดินเผาประเภทนี้
                                          ั
                   แสดงให้เห็นถึงความสัมพนธ์ทางการค้าและวัฒนธรรมระหว่างชายฝั่งทะเลด้านทิศตะวันออก
                                                                                                   ั
                   ของอินเดีย และชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบนโดยเฉพาะบริเวณประเทศไทยว่ามีความสัมพนธ์
                   กันอย่างใกล้ชิด และทำให้แนวความคิดเดิมที่เชื่อว่าไม่มีการติดต่อค้าขายอย่างจริงจังจาก
                   มหาสมุทรอินเดียไปเกินกว่าอ่าวเบงกอลในช่วงต้นคริสตกาล (พทธศตวรรษที่ 6-7) ต้อง
                                                                               ุ
                           15
                   เปลี่ยนไป


                          3.  โบราณวัตถุที่ทำด้วยสำริด พบมากที่เมืองโคลหะปุระ (Kolhapur) ในมหาราษฏร์
                   (Maharashtra) ประกอบไปด้วย ประติมากรรมสำริด เช่น รูปเทพโปไซดอน เปอร์ซีอุส
                   (Perseus) และนางอันโดรเมดา (Andromeda) ภาชนะใส่ของเหลวมีหูจับ ซึ่งได้รับการกำหนด

                   อายุไว้แล้วว่า ส่วนใหญ่มีอายุอยู่ในราวพทธศตวรรษที่ 6 (คริสต์ศตวรรษที่ 1) ยกเว้นแต่
                                                         ุ
                   ประติมากรรมรูปเทพโปไซดอนที่น่าจะมีอายุก่อนหน้านี้


                          4.  เหรียญโรมัน พบเป็นจำนวนมากบริเวณเมืองท่าชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ คือ เมือง
                   อริกเมฑและเมืองกาเวริปัฏฏินัมในช่วงพทธศตวรรษที่ 6-7 ซึ่งมีการตั้งถิ่นฐานของพอค้าโรมัน
                                                                                             ่
                          ุ
                                                       ุ
                   เหรียญส่วนใหญ่อยู่ในสมัยจักรพรรดิออกุสตุส (Augustus: 31 ปีก่อนคริสตกาล – คริสตศักราช
                   ที่ 14) และจักรพรรดิทิแบริอุส (Tiberius: คริสตศักราชที่ 14-37) ซึ่งพบทั้งเหรียญเงินที่เรียกว่า

                   “ดีนารีอ์” (denarii) และเหรียญทองที่เรียกว่า “อาวเรอ์” (aurei) อย่างไรก็ดี การปรากฏขึ้น
                   ของเหรียญโรมันทางด้านตะวันตกของแถบเดคข่านและอินเดียตอนใต้เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า
                   แม้แต่การค้าระดับท้องถิ่นในแถบเดคข่านตะวันตกรวมไปถึงในราชวงศ์ศาตวาหนะ ก็มีการ

                   นำเอาเหรียญโรมันทั้งเหรียญทองและเงินเข้ามาใช้ในระบบเช่นเดียวกัน และดังที่กล่าวไปแล้วใน
                   ตอนต้นว่า การค้าระหว่างโรมันและอินเดียมีความเข้มข้นจนทำให้ปลินี (Pliny) ถึงกับอ้างว่า

                   การทำการค้ากับตะวันออก (คืออินเดีย) ทำให้เหรียญโรมันไหลออกนอกประเทศถึง 100 ล้าน
                   เหรียญเงิน (sesterce) และเป็นสาเหตุให้เกิดวิกฤติการณ์การเงินขึ้นในโรมันในเวลาต่อมา

















                          15  บุณยฤทธิ์ ฉายสุวรรณ. ทุ่งตึก เมืองท่าการค้าโบราณ, หน้า 135-136.
   117   118   119   120   121   122   123   124   125   126   127