Page 40 - 0006
P. 40
31
รายงานดังกล่าวนี้คือตัวอย่างที่แสดงถึงความเป็นธรรมของท่านอะลี อิบนฺ อะบีฏอลิบ
้
ความเป็นธรรมที่ท่านอะลีได้ใชเป็นแนวทางส าคญในการปกครองและการบริหารกิจการต่าง ๆ ใน
ั
สมัยของท่านจนได้รับสมยานามว่าเป็นเคาะลีฟะฮ์คนหนึ่งที่ทรงธรรม
2.3.5 การบริหารจัดการซะกาตสมัยอูมะวียะฮฺ (41-132 ฮศ./661-750 คศ.)
ึ้
อุมัร อิบนุ อับดิลอะซีซ (61-101 ฮศ.) ได้ขนมาด ารงต าแหน่งเคาะลีฟะฮฺคนที่ 8 ของ
ราชวงศ์อูมะวียะฮฺทุกอย่างจึงกลับสู่บรรยากาศอิสลามอีกครั้งหนึ่ง
ท่านอุมัร อิบนุอับดิลอะซีซ เป็นเคาะลีฟะฮฺที่มีคณสมบัติดีที่สุดของราชวงศอะมะวยะฮฺ
ุ
์
ี
และเป็นเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมหลังจากเคาะลีฟะฮฺทั้ง 4 ภารกิจส าคัญของท่านอุมัรอิบนุ อับดิลอะซีซ
ิ
คือ การปฏิรูประบบการบริหาร และระบบการคลัง (บัยตุลมาล) ให้มีประสิทธภาพตามหลักการของ
อิสลาม ท่านได้ให้ความส าคญอย่างมากต่อเรื่องการจัดเก็บซะกาต และการแจกจ่ายซะกาตยังผู้ที่มี
ั
ั
สิทธิตามครรลองที่ถูกต้องแนวทางของท่านที่ส าคญ มีดังนี้
ึ้
(1) การยกเลิกภาษีต่าง ๆ ที่ถูกก าหนดขนโดยขดกับกฎหมายอิสลามคงเหลือแต่ซะกาต
ั
และภาษีที่สอดคล้องกับกฎหมายอิสลามเท่านั้น ท่านกล่าวว่า มุสลิมต้องรับผิดชอบต่อการจ่ายซะกาต
ทรัพย์สินของเขาเมื่อใดก็ตามที่เขาจ่ายซะกาตแก่กองคลัง (บัยตุลมาล) เขาก็ไม่ต้องจ่ายทรัพย์ใด ๆ อีก
ในปีนั้น
การยกเลิกภาษีหลายประเภทและการเอาจริงเอาจังในเรื่องซะกาตท าให้ประชาชนผ่อน
คลายไม่ต้องแบกรับภาระการจ่ายที่หนักเกินไปและสามารถยืนบนขาของตัวเองได้ ผลที่เกิดขนก็คอ
ื
ึ้
พวกเขาสามารถยกระดับมาตรฐานชีวิตจากสภาพที่ยากจนได้ส าเร็จ
(2) การจัดระบบในการแจกจ่ายซะกาตที่ดีเยี่ยมและมีความเป็นธรรมของท่านอุมัรเป็นผล
ท าให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากซะกาตนับเป็นครั้งแรกที่อาณาจักรอิสลามไม่มีคนยากจนมา
ิ
รับซะกาตและนับเป็นครั้งแรกที่อาณาจักรอิสลามมีผู้มีสิทธรับซะกาตเหลือน้อยจนกลาย
เป็นปัญหาของคนรวยในการสืบหาคนจนเพื่อมอบซะกาตให้ ดังตัวอย่างจากรายงานของ
ท่านยะห์ยา อิบนุ สะอีด ซึ่งเป็นคนที่ท่านอุมัรอิบนุอับดิลอะซีซ ส่งไปเก็บซะกาตในแอฟริกาเมื่อเขา
เก็บซะกาตได้ ก็เริ่มหาคนรับซะกาตแต่เขาไม่พบคนยากจนที่จะมารับซะกาตแม้แต่คนเดียวเขาจึงน า
ซะกาตไปซื้อทาสจ านวนหนึ่งเพื่อปล่อยเป็นอิสระ
(3) การก าหนดมาตรฐานที่ชดเจนของบุคคลในการด ารงชพ โดยที่ท่านอุมัร
ี
ั
ั้
อิบนฺอับดิลอะซีซ ได้วางหลักประกันในการด ารงชพขนพื้นฐานของประชาชนทุกคนจากกองคลัง
ี
้
(บัยตุลมาล) และซะกาต ท่านได้ก าหนดมาตรฐานของความพอเพียงใววา“ชายมุสลิมคนหนึ่งนั้น
่
จะต้องมีที่อยู่ส าหรับอาศัย มีคนรับใช้ส าหรับแบ่งเบาภาระมีม้าส าหรับท าญิฮาด และมีเครื่องใช้ไม้สอย
ิ
ที่จ าเป็นภายในบ้าน” (Fuaad Abdullah, 1996 : 6) ผู้ที่ขาดแคลนสิ่งเหล่านี้มีสิทธได้รับการอุดหนุน
สงเคราะห์จากซะกาตและบัยตุลมาล
ิ
้
(4) การใชหลักธรรมาภบาลของท่านอุมัร อิบนุ อับดิลอะซีซในการบริหารกิจการที่
เกี่ยวกับซะกาตท าให้ประชาชนเกิดการศรัทธาเชอมั่นต่อผู้น าและเชอมั่นต่อรัฐและยินดีที่จะสนอง
ื่
ื่