Page 298 - 022
P. 298
298
ื
ู
้
่
ี
้
ั
ความว่า “จงกลาวเถด (มุหมมัด) บรรดาผูรและบรรดาผูไมรจะเทาเทยมกันหรอ
ิ
้
่
่
ู
้
ั
้
่
ิ
ิ
้
ี
แทจรงบรรดาผูมสตปญญาเทานั้นทจะใครครวญ” (Al-Zumar 39: 9)
่
ี่
ี
ั
ุ
ิ
ึ
์
อัลรอซย์ ได้อธบายโองการข้างต้นว่า ความสมบูรณของมนษย์นั้นข้นอยู่กับปจจัยสอง
ื่
ู
้
ิ
็
ู
้
ิ
ื
ประการ กล่าวคอ ความรและการปฏบัต (Al-Razi, 1981: 26/250) และความรนั้นเปนตัวขับเคลอนท ี่
ู
ส าคัญในการน าพามนษย์ส่ความย าเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ ดังทพระองค์อัลลอฮได้ตรสไว้ว่า
ี่
ั
ฺ
ฺ
ุ
่
์
้
้
ี่
ิ
่
ู
ความว่า “แทจรงบรรดาผูทมความรจากปวงบาวของพระองคเทานั้นทเกรง
ี
้
ี่
ฺ
้
็
้
ฺ
กลัวอลลอฮ แทจรงอลลอฮนั้นเปนผูทรงอ านาจ ผูทรงอภัยเสมอ” (Fatir 35: 28)
ั
ั
ิ
้
ฺ
ั
ี
ี่
์
้
ี
ิ่
์
่
์
และท่านนบ ได้กล่าวว่า “ผูใดทพระองคอลลอฮทรงประสงคสงดๆ แกเขา พระองคจะ
้
ใหเขาผูนั้นรจรงในเรองศาสนา” (Bukhari: 71)
ู
ิ
้
้
ื่
ฺ
ึ
นอกจากน้พระองค์อัลลอฮยังได้ทรงก าชับให้บรรดาภรรยาของท่านนบ ได้ศกษาหา
ี
ี
ู
ี
ี่
ั
้
ุ
ความรจากโองการอัลกุรอานและสนนะฮ์ของท่านนบ ดังทตรสไว้ว่า
้
ิ่
่
ความว่า “และจงอานสงทไดถูกอานในบานเรอนของพวกเธอจากอายาตทงหลาย
่
้
ื
ั้
ี่
ู
1
้
ุ
ี
์
ู
ของอลลอฮและหกมะฮ แทจรงอลลอฮนั้นทรงรอบรอยางละเอยด ทรงรอบรทก
่
้
้
ิ
ั
ฺ
ฺ
ิ
ั
ิ่
สง” (Al-Ahzab 33: 34)
็
ั
ุ
็
ิ
การศกษานอกจากเปนการพัฒนาศักยภาพดั่งเดมของมนษย์แล้ว ยังเปนปจจัย
ึ
ุ
ี
ส าคัญในการพัฒนาอารยธรรมมนษย์ให้สงส่งอกด้วย อารยธรรมมนษย์ไม่อาจทจะพัฒนา
ู
ี่
ุ
ได้หากสังคมมนษย์ยังจมปลักอยู่ในสภาพทโง่เขลาไรการศกษา และสังคมมนษย์ไม่อาจ
ุ
ี่
ึ
ุ
้
รอดพ้นจากความเปนอนารยะได้หากการศกษาเกิดข้นเฉพาะในกล่มบรษเท่านั้น เพราะ
็
ุ
ุ
ึ
ึ
ุ
สมาชกในสังคมประกอบด้วยทั้งบรษและสตรในสัดส่วนทไม่แตกต่างกันมากนัก ดังนั้น
ี่
ุ
ี
ุ
ิ
ี
ึ
ท่านนบ จงไม่เพียงแต่ให้ความส าคัญการศกษาแก่เศาะหาบะฮ์ทเปนบรษเท่านั้น ใน
ุ
ุ
ึ
ี่
็
ี
ิ
ึ
ิ
ี
ขณะเดยวกันท่านนบ ให้ความส าคัญและส่งเสรมอย่างจรงจังต่อการศกษาแก่บรรดา
ี
ี
ี
เศาะหาบยาตอกด้วย ดังปรากฏในหลักฐานต่างๆ ต่อไปน้
1 กอตาดะฮ์กล่าวว่า หกมะฮ์ในทน้หมายถง สนนะฮ์ของท่านนบ (Al-Tabari, 2001: 19/108)
ี่
ึ
ี
ิ
ี
ุ