Page 185 - 013
P. 185
185
4. ผู้บรหารโรงเรยน ควรศกษาเรยนร กระบวนการ ทักษะ เทคนคในการบรหาร
ู
ี
ิ
้
ิ
ี
ึ
ิ
ความขัดแย้ง เพื่อน าไปปฏบัตในระดับทเกิดประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม โดยใช้การวิเคราะห ์
ิ
ี่
ิ
์
ื
ึ
ิ
ี่
ี
ึ
ิ
สถานการณทเกิดข้นในสถานศกษาของตนประกอบการตัดสนใจเลอกใช้วิธการบรหารความขัดแย้ง
ในแต่ละวิธ ี
่
ี่
5. ผู้บรหารโรงเรยนควรเปนประธานในทประชมของงานแต่ละฝาย พยายาม
ิ
็
ี
ุ
พูดคยเพื่อรบทราบและอธบายปญหาและพยายามให้มทัศนคตทสอดคล้องกัน
ิ
ี
ั
ี่
ุ
ั
ิ
6. ผู้บรหารโรงเรยนควรจัดกิจกรรมเพื่อสรางความสามัคคในองค์กร สราง
ิ
ี
ี
้
้
ึ
ิ
ุ
จตส านกให้ท างานเพื่อส่วนรวมไม่ใช้เพื่อผลประโยชน เน้นให้บคลากรเข้าใจเปาหมายของ
้
์
ั
็
ึ
ุ
้
ึ
ิ
องค์กรเพื่อสรางจตส านกในการรกองค์กร กระจายงานให้แก่บคลากรอย่างทั่วถงและให้ความเปน
้
่
ุ
ธรรม ยุตธรรมกับทกฝาย สรางขวัญและก าลังใจ
ิ
5.6.2 ขอเสนอแนะในการท าวิทยานพนธครงตอไป
์
ั
ิ
้
่
้
ในการวิจัยคร้งน้ ผู้วิจัยได้ศกษากล่มตัวอย่างเฉพาะผู้บรหารและผู้จัดการโรงเรยน
ิ
ั
ี
ี
ึ
ุ
ึ
ี
เอกชนสอนศาสนาอสลามในจังหวัดปตตาน ผลการวิจัยจงมขอบเขตจ ากัด
ิ
ี
ั
ี
ิ
ี
ี
ึ
1. ควรศกษาเปรยบเทยบสาเหตและวิธการจัดการความขัดแย้งของผู้บรหาร
ุ
ึ
ั
สถานศกษาระหว่างโรงเรยนของรฐกับโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลาม
ี
ี
ิ
2. ควรศกษาความพึงพอใจของครผู้สอนต่อการบรหารความขัดแย้งของผู้บรหาร
ิ
ู
ิ
ึ
3. ควรมการศกษาวิจัยเรองเดยวกันน้ในรปแบบของการวิจัยเชงคณภาพเพื่อให้ได้
ุ
ี
ื่
ู
ี
ิ
ึ
ี
ึ
ี่
ข้อมูลทลกซ้ง ชัดเจนมากยิ่งข้น
ึ
ึ