Page 125 - 010
P. 125
105
ู
่
ู
ี
่
ี
้
ี่
และถายถอดความร โดยททั้งสองกระบวนการเรยนรดังกลาวได้มการวิวัฒนาการตามยุคสมัย
้
ุ
ู
ึ
จนกระทั่งมความเจรญสงสดในยุคปจจบัน ความเข้าใจทเปนบอเกดแหงปญญาจงเปนเปาหมาย
่
ี่
ี
ิ
ั
้
ั
ุ
็
่
็
ิ
ฺ
่
็
สงสดในอิสลามและเปนพรอันประเสรฐของอัลลอฮ ททรงประทานให้แกบาวของพระองค์
ิ
ี่
่
ู
ุ
ี่
ื
ุ
ี
ศาสนาในทน้ก็คออิสลามอันหมายถึงวิถีชวิตของมนษย์ทครอบคลุมและครบวงจร
ี่
ี
ึ
ื
ู
บนหลักการดังกล่าว อิสลามจงไม่อนญาตให้มุสลิมเปนผู้ทไม่ร (ญาฮล) หรอประกอบศาสนกจใดๆ
ี่
ุ
็
ิ
ิ
้
ื่
ู
่
้
ึ
ในสภาพทตนเองไม่เข้าใจ และไมรเรองตอศาสนกจนั้นๆโดยเด็ดขาด เพราะถงแม้ยังไม่สามารถ
ิ
่
ี่
่
ึ
ู
ุ
้
ุ
ี
่
ยกระดับข้นเทยบฐานะของผู้ร (อาลิมหรออุละมาอ์) ตมุสลิมยังสามารถจัดอยูในกลุ่มของปถชน(อะ
ื
ุ
ั
ุ
วาม) โดยการอนโลม แตเขาไม่ได้รบการอนญาตให้ลดฐานะถึงระดับผู้ไม่ร(ญาฮล)โดยเด็ดขาด(อส
ิ
่
ู
ิ
้
ี
มาอีลลุตฟ จะปะกยา, 2007 : 39)
ี
ึ
ั
์
่
ั
็
ในฐานะมุสลิม เราจงมีความจ าเปนกล่าวแกบรรดาผู้ได้รบคัมภีรทั้งหลายด้วยด ารส
ี
ั
ของอัลลอฮ ทได้กล่าวแกบรรดาผู้ได้รบคัมภรในอัลกุรอานมีความว่า
์
ี่
ฺ
่
ﭼ ﭛ ﭚ ﭙ ﭘ ﭗ ﭖ ﭕ ﭔ ﭓ ﭒ ﭑ ﭽ
71
ี
ความว่า : “โอ้บรรดาผู้ได้รบคัมภรทั้งหลาย เพราะเหตใดเลาพวกเจ้าจง
ึ
์
ุ
ั
่
ี่
บดเบอนความจรงด้วยส่งเท็จ(ทนักปราชญ์ของพวกเขาได้กุข้น)ปกปด
ิ
ิ
ึ
ิ
ิ
ื
่
ี่
ิ
ความจรงไว้ ทั้งๆทพวกเจ้าก็รดอยู”
ี
้
ู
ฺ
ิ
(อาล อิมรอน : อายะฮ 71)
ี
้
ู
ุ
็
หากมนษยชาตทั่วไปจ าเปนต้องศึกษาและเรยนรอิสลามอย่างเข้าถึงแล้ว มุสลิมยิ่งม ี
ิ
ั
ิ
่
่
็
ความจ าเปนต้องศึกษาและเข้าใจอสลามอย่างถึงแกนอีกหลายเทาตัวมุสลิมปจจบันจ าเปนต้องศึกษา
ุ
็
ี่
ิ
ี
ิ
วิธการน าเสนอและการเผยแผ่อิสลามของเหล่าบรรพชนทสามารถโน้มน้าว และเชญชวนจตใจผู้คน
ู
ี่
ี
่
ี่
ิ
ุ
ให้สนใจอิสลามด้วยวิธการทเปยมด้วยคณธรรมและจรยธรรมอันสงสงพวกเขาได้ท าให้ธงอสลาม
ิ
สะบัดพล้วด้วยความชวยเหลือและทางน าของอัลลอฮฺ เพราะชัยชนะทมั่นคงและยั่งยืนนั้นคอชัย
ี่
ิ
่
ื
ี
ี
ี่
็
ี่
ิ
ชนะของวัฒนธรรมและอารยธรรมทถูกหลอมรวมเปนวิถชวิตอันประเสรฐกว่าโดยทบางคร้ ังผู้แพ้
ุ
ยอมศิโรราบด้วยความสมัครใจ และยินยอมให้อารยธรรมของตนเองถูกกลืนโดยดษฎด้วยซ ้าไป แต ่
ี
็
หากเปนชัยชนะทตัดสนโดยอาศัยกองก าลังทเหนอกว่า หรอชัยชนะบนคราบน ้าตา หยาดเลือด และ
ื
ิ
ี่
ื
ี่
ี
ชวิตของเพื่อนมนษย์ด้วยกันแล้ว จะไม่เปนเพียงชัยชนะทมีฐานอันเปราะบางเทานั้นหากเปนการบม
็
่
่
็
ี่
ุ
เพาะความเกลียดชังและสะสมความแตกแยก ตลอดจนสรางความราวฉานในสังคมอย่างไม่รจักจบ
้
้
้
ู
ี
ี
ส้น(อิสมาอีลลุตฟ จะปะกยา, 2007 : 45)
ิ
ิ
์
ิ
ี
หากศึกษาประวัตศาสตรการล่าอาณานคมของประเทศมหาอ านาจในอดตจะพบว่า
ถึงแม้ประชาชนสวนใหญในประเทศทถูกยึดครองจะเปลยนศาสนาตามประเทศมหาอ านาจแล้วก็
ี่
่
่
ี่