Page 264 - 001
P. 264
253
• สกุลช่างอมราวดี ในบรรดาศิลปะอินเดียในช่วงนี้ ศิลปะอมราวดีถือเป็นศิลปะที่รับเอา
คติการสร้างพระพุทธรูปช้ากว่าศิลปะคันธาระและมถุรา เนื่องจากในช่วงแรกยังคงใช้สัญลักษณ์
ุ
12
แทนพระพทธเจ้าตามค่านิยมของศิลปะอินเดียสมัยโบราณอยู่ เมื่อมาถึงสมัยที่ทำพระพุทธรูป
ุ
ศิลปะแบบอมราวดีก็ไม่ได้สร้างเฉพาะประติมากรรมลอยตัวเท่านั้น แต่ยังทำภาพพทธประวัติ
สลักในแผ่นวงกลมอีกด้วย โดยองค์ประกอบภาพมักใช้ท่าทางและการเคลื่อนไหวของบุคคล มี
จังหวะที่เต็มไปด้วยชีวิตจิตใจ และการเคลื่อนไหวอย่างได้สัดส่วน ในชั้นต้นแสดงท่าเคลื่อนไหว
อย่างมาก ต่อมาค่อยๆสงบลง บุคคลในภาพแสดงความงามอย่างอ่อนช้อย วัสดุที่ใช้เป็นหินปูนสี
13
ขาวอมเขียว
ุ
ลักษณะสำคัญของพระพทธรูปสมัยอมราวดีคือ มีพระเศียรยาวรี พระเกศาขมวดเป็น
ก้นหอยคลุมทั้งพระเศียร อุษณีษะต่ำ ครองจีวรห่มเฉียงและเป็นริ้วทั้งองค์ จีวรเป็นริ้วธรรมชาติ
มีขอบหนา ยกขึ้นมาพาดพระกรซ้าย นิยมแสดงอภัยมุทราเพยงมุทราเดียว หากประทับยืนจะ
ี
จับชายจีวรด้วยพระหัตถ์ซ้ายขนานกับพระหัตถ์ขวาที่แสดงมุทรา ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะในศิลปะ
อินเดียใต้และปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ หากเป็นประติมากรรมลอยตัวจะไม่ปรากฏ
ประภามณฑล แต่หากเป็นประติมากรรมนูนต่ำ ประภามณฑลจะเป็นแบบศิรประภาไม่มี
ลวดลาย พนักบัลลังก์ซึ่งตกแต่งด้วยรูปมกรและตัววยาลยกขาก็เริ่มต้นในศิลปะสมัยนี้
สกุลช่างอมราวดียังมีส่วนสำคัญในการเผยแพร่ศิลปะอินเดียไปยังประเทศในแถบทะเล
ใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังได้ค้นพบพระพทธรูปแบบอมราวดีที่เกาะลังกา จัมปา (ดง
ุ
เดือง) ไทย (นครราชสีมาและนราธิวาส) คาบสมุทรมลายูที่เกาะเซเลเบส ชวาภาคตะวันออก
และสุมาตรา (ปาเล็มบัง)
12 เชษฐ์ ติงสัญชลี. พระพุทธรูปอินเดย, หน้า 22.
ี
13 จิรัสสา คชาชีวะ, โบราณคดีอินเดีย, หน้า 498.