Page 80 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์
P. 80

58






                                                     1
                       คนแรก คือ อับดุลลอฮ์ เบ็น สะบะ อ์  ซึ่งกล่าวว่า ท่านน ะบีมุฮัมมัดจะกลับมีชีวิตอีกครั้งหลังจากได้
                                                                                                        2
                       เสียชีวิต ชีอะ ฮ์อิมามิยะ ฮ์ส่วนใหญ่จะยึดถือในเรื่องนี้ว่าท่านนะบีมุฮัมมัด   , อะลีย์  , อัลฮะสัน ,
                               3
                                                                                                        4
                       อัลฮุสัยนฺ  บรรดาอิมามที่เหลือทั้งหลายและบรรดาผู้ต่อต้านกับพวกเขา เช่น   อะบูบักรฺ , อุมัร ,
                                       5
                                                 6
                       อุสมาน, มุอาวิยะฮ์  และยะซีด  พวกเขาจะกลับมีชีวิตอีกครั้งบนโลกนี้หลังจากอัลมะฮฺดีย์ปรากฏ
                       ขึ้นมา และจะลงโทษกับผู้ที่รุกรานกับบรรดาอิมามทั้งหลายและฉกชิงสิทธิ์ต่าง ๆ ของพวกเขาหรือฆ่า

                       พวกเขา หลังจากนั้น จะเสียชีวิตทั้งหมดและจะเกิดอีกครั้งในวันกิยามัต  („Abd  al-Latīf  bin  „Abd
                       al-Rahmān, 1989 : 101).
                                     4)  อัตตะกิยฺยะฮ์ (al-Taqiyyah)
                                     อัตตะกิยฺยะ ฮ์ หมายถึง การแสดงตัวโดยการภักดีและให้ความรัก เพื่อรักษา

                       เกียรติยศ ชีวิต หรือทรัพย์สินที่มีการปิดบังความจริง ซึ่งชีอะ ฮ์ถือว่าเป็นการจัดการลับ ในเมื่ออิมาม

                       ต้องการที่จะปฏิวัติหรือออกจากเคาะลีฟะ ฮ์ เขาจะเอาการจัดการนี้มาใช้ในการบริหารจัดการ ในเมื่อ
                       สมาชิกทุกคนทราบพวกเขาก็จะปิดบังความจริงและแสดงความจงรักภักดีออกมาจนกว่าแผนการของ

                       พวกเขาจะสําเร็จ พวกเขาจะใช้การจัดการนี้เช่นกันในเมื่อพวกเขารู้สึกได้รับอันตรายจากคนกาฟิรหรือ
                       คนสุนนีย์ พวกเขาจะแสดงให้เห็นถึงการเห็นชอบกับเขาด้วยความบิดพริ้ว ด้วยหลักการนี้ทําให้คน

                       ชีอะฮ์สามารถร่วมอยู่กับพวกอะฮฺลิ ส สุนนะฮ์ได้ เขาเห็นชอบด้วยกับการละหมาดกับพวกเขา การถือ

                       ศิลอดและทั้งหมดที่พวกเขาได้ปฏิบัติในพิธีศาสนา ซึ่งแนวคิดนี้ขัดกันกับแนวคิดของพวกเคาะวาริจญ์

                       ที่เห็นว่ามีความจําเป็นอย่างยิ่งต้องออกจากผู้ปกครองที่อธรรมอย่างแน่นอน   (Ἀhmad Ἀmīn, 1956:
                       3/247).







                       1
                        ท่านมีชื่อเต็มว่า อับดุลลอฮ์  เบ็น สะบะ อ์ เป็นหัวหน้ากลุ่มอัสสับอียะฮ์ เดิมเป็นชาวเยเมน นับถือศาสนายิว แต่แสดงตนเป็นมุสลิม
                        เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 40 (al-Zirikliy, 2002 : 4/88).
                       2  ท่านมีชื่อเต็มว่า อัลฮะสัน เบ็น อะลีย์ เบ็น อะบี ฏอลิบ เบ็น อับดุลมุฏเฏาะลิบ อัลกุเราะชียฺ อัลฮาชิมีย์ อะบู มุฮัมมัด อัลมะดะนีย์
                                           (
                        เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 49 หรือ 50 al-Dhahabiy, 1985 : 4/483).
                       3
                        ท่านมีชื่อเต็มว่า อัลฮุสัยนฺ เบ็น อะลีย์ เบ็น อะบี ฏอลิบ เบ็น อับดุลมุฏเฏาะลิบ อัลกุเราะชีย์ อัลฮาชิมีย์ อะบู อับดุลอฮฺ อัลมะดะนีย์
                        เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 61 (Ἰbn ‟Asākir, 1985 : 14/111).
                       4
                       .ท่านมีชื่อเต็มว่า อะมีรุลมุอ์มินีน อะบู  ฮัฟศฺ อุมัร เบ็น อัลค็อฏฏอบ  เบ็น นุฟ๎ยลฺ เบ็น อับดุลอุซซา  เป็นเคาะลีฟะฮ์คนที่สองของ
                        อัลคุละฟาอ์ อัรรอชิดีนหลังจากอะบู บักรฺ เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 23 (al-Zirikliy, 2002 : 4/88 ; Abū al-Muatiy, 1997 : 3/67 ; Alā‟
                        al-Dīn, 2001 : 10/40).
                       5
                        ท่านมีชื่อเต็มว่า มุอาวิยะฮ์ เบ็น อะบี สุฟยาน เบ็น ฮัรบฺ เบ็น อุมัยยะฮ์ เบ็น อับดุ ชัมส เบ็น อับดุ มะนาฟ อะบู อับดุรเราะฮมาน เป็น
                        เคาะลีฟะฮ์คนแรกของอุมะวียะฮ์ เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 60 (Ἰbn Sa„ad, 1990 : 7/285).
                       6
                       .ท่านมีชื่อเต็มว่า ยะซีด เบ็น มุอาวิยะฮ์ เบ็น อะบี สุฟยาน เบ็น หัรบฺ เบ็น อุมัยยะฮ์ เบ็น อับดุ ชัมส อะบู คอลิด อัลอุมะวียฺ เป็น
                        เคาะลีฟะฮ์ อุมะวียะฮ์คนที่สอง เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 64 (Ἰbn ‟Asākir, 1985 : 65/394).
   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84   85