Page 174 - 006
P. 174
163
ด้านวรรณกรรมก็มีการผสมผสานระหว่างฮินดูและมุสลิมด้วยเช่นกัน ดังปรากฏว่ามีการ
แปลวรรณกรรมของทั้งฮินดูและมุสลิม ราชสำนักได้ให้การอุปถัมภ์วรรณกรรมอิสลามโดยใช้
เปอร์เซียและอาหรับเป็นต้นแบบ แต่ในขณะเดียวกันก็มีการแปลงานสำคัญๆในภาษาสันสกฤต
เป็นภาษาเปอร์เซียด้วย เช่น ตำราแพทย์ ปรัชญา และดาราศาสตร์ เป็นต้น
14
• ศาสนา สมัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ ชาวอินเดียเริ่มหันมานับถือศาสนา
อิสลามมากขึ้น สาเหตุที่ชาวฮินดูบางส่วนหันมานับถือศาสนาอิสลามประการหนึ่ง คือ ไม่
ต้องการเสียภาษีที่เก็บมาจากผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม และเนื่องจากศาสนาอิสลามไม่มี
ระบบวรรณะ เพราะถือว่ามุสลิมทุกคนเท่าเทียมกัน นอกจากนั้น ยังมีหลักในการปฏิบัติที่ง่ายต่อ
การนับถือ ดังนั้น ชาวฮินดูที่อยู่ในวรรณะต่ำจึงหันมานับถือศาสนาอิสลาม สำหรับชาวฮินดูใน
วรรณะสูงที่หันมานับถือศาสนาอิสลามก็เพราะต้องการผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ
เนื่องจากตำแหน่งราชการในระดับสูงเป็นสิทธิพเศษของพวกมุสลิม การสร้างความเป็นอันหนึ่ง
ิ
อันเดียวกันกับราชสำนักหรือสังคมชนชั้นสูงของมุสลิมจะทำให้มีโอกาสได้รับผลประโยชน์
โดยง่าย จึงทำให้คนวรรณะสูงหันมานับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนไม่น้อย สาเหตุดังกล่าว
นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ชาวฮินดูทั้งวรรณะสูงและวรรณะต่ำหันมานับถือศาสนาอิสลาม
15
ในเวลาต่อมาชาวอินเดียที่นับถือศาสนาอิสลามจึงมีประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมด
ในสมัยนี้ยังเกิดลัทธิความเชื่อทางศาสนาใหม่ โดยการนำเอาแก่นแท้ของศาสนาฮินดู
และศาสนาอิสลามมาเป็นแนวทาง นั่นคือ ศาสนาซิกข์ (Sikhism) ศาสดาของศาสนานี้คือ คุรุนา
นัก (Kuru Nanak, พ.ศ.2012- 2081: ค.ศ.1469-1538) ซึ่งพยายามประนีประนอมความ
ขัดแย้งระหว่างศาสนาฮินดูและอิสลาม คุรุนานักมีจุดมุ่งหมายที่จะรวมความแตกต่างระหว่างผู้
นับถือศาสนาทั้งสอง โดยมีหลักสำคัญ คือ “ไม่มีพระเจ้าของชาวฮินดูองค์หนึ่ง ไม่มีพระเจ้า
สำหรับชาวมุสลิมอีกองค์หนึ่ง แต่มีพระเจ้าองค์เดียวสำหรับมนุษย์ทั้งปวง” คุรุนานักปฏิเสธการ
แบ่งชั้นวรรณะของชาวฮินดู และไม่ยอมรับสถาบันทางศาสนาของชาวมุสลิม คุรุนานักได้แสดง
ตัวเป็นทั้งมุสลิมและฮินดูในขณะเดียวกัน กล่าวคือ แต่งกายแบบฮินดู แต่สวมหมวกแบบ
16
มุสลิม
อาณาจักรของมุสลิม-เตอร์กเริ่มล่มสลายภายหลังจากราชวงศ์ตุกห์ลักหมดอำนาจลง
ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 20 (คริสต์ศตวรรษที่ 15) แม้จะมีราชวงศ์ที่สืบต่อมาอีก 2 ราชวงศ์
คือ ราชวงศ์ซัยยิด (Sayyid Dynasty) และราชวงศ์โลทิ (Lodi Dynasty) แต่ก็ไม่สามารถ
ื้
ครอบครองพนที่เดิมไว้ได้ทั้งหมด ได้เกิดการแยกตัวของขุนนางและสถาปนารัฐมุสลิมท้องถิ่น
17
(Muslim regional sultanates) ขึ้นถึง 8 รัฐ โดย 6 ใน 8 รัฐดังกล่าวเป็นผลมาจากการก่อ
์
14 สุภัทรา นีลวัชระ วรรณพิณ และศุภวรรณ ชวรัตนวงศ. อินเดีย : อดีต-ปัจจุบัน, หน้า 110.
15 คณะอักษรศาสตร์, จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. อารยธรรมสมัยโบราณ-สมัยกลาง, หน้า 350-351.
์
16 เรื่องเดิม, หน้า 353.
17 รัฐมุสลิมทั้ง 8 รัฐทางภาคเหนือและภาคตะวันตกประกอบไปด้วย รัฐสินธุ์ รัฐกัษมีระ รัฐเบงกอล รัฐชวนปุระ (Jauanpur)
รัฐคุชราต รัฐมัลวะ รัฐข่านเดช (Khandesh) และพาห์มานิ (Bahmani) ดูเพิ่มเตมที่ Burjor Avari. Islamic Civilization in South
ิ
Asia, pp. 85-89.