Page 173 - 006
P. 173

162


                          3) การค้า การค้าส่วนใหญ่เป็นการค้าในระดับท้องถิ่น แต่บางเมืองก็แสดงบทบาทการ

                   เป็นเมืองท่าและศูนย์กลางของตลาดที่รวมสินค้าต่างๆไว้ เช่น ม้า ทาส ผงคราม ผ้าไหม และเนย
                    ่
                   พอค้าส่วนใหญ่เป็นพวกฮินดูและเชน เนื่องจากมุสลิมที่เข้ามาในอินเดียเป็นทหาร ไม่มีความ
                   ชำนาญในการค้า ส่วนการค้าทางทะเลไม่ค่อยได้รับความสนใจจากผู้ปกครองเท่าใดนัก ถึง

                   กระนั้น เมืองท่าในแถบเบงกอลและคุชราตก็รุ่งเรืองมากในการทำการค้ากับจีนและเอเชีย
                   ตะวันออกเฉียงใต้ สินค้าส่งออกส่วนใหญ่คือ สินค้าทางการเกษตรและสิ่งทอ ส่วนสินค้านำเข้า

                   เป็นของฟุ่มเฟือย เช่น ทองคำและเงิน
                          • สังคม มีความแตกต่างกันมากระหว่างชนชั้นที่ร่ำรวย เช่น ผู้ปกครองและขุนนางกับ
                                                                                             ุ้
                   ชนชั้นที่ยากจน คือ เกษตรกรและทาส ในขณะที่ผู้ที่ร่ำรวยมีมาตรฐานการใช้ชีวิตที่ฟงเฟ้อ แต่ผู้
                   ที่ยากจนมีมาตรฐานความเป็นอยู่ของชีวิตอยู่ในระดับที่ต่ำมาก โดยทั่วไปแล้วสุลต่านและขุนนาง
                   จะมีทาสทั้งหญิงและชายอยู่ในความครอบครอง ทาสในราชสำนักมีเป็นจำนวนมาก สุลต่าน

                   อะลา อุดดิน คัลจิมีทาสอยู่ถึง 50,000 คน และเมื่อถึงสมัยของสุลต่านไฟรุซ ชาห์ (Firuz Shah)
                       ิ่
                   ก็เพมจำนวนขึ้นมาถึง 200,000 คน ทาสเหล่านี้มีไว้ใช้งานบริการและบางครั้งก็เพอประโยชน์
                                                                                            ื่
                   ทางการเงิน บางครั้งสุลต่านก็ปล่อยให้ทาสเป็นอิสระ และบางครั้งก็พบว่าทาสก็สามารถทำงาน
                   ในตำแหน่งที่สูงขึ้นทั้งในทางสังคมและการเมืองโดยอาศัยความสามารถของตนเองไต่เต้าขึ้นไป
                   นอกจากทาสชาวอินเดียแล้ว ยังมีทาสที่ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ เป็นต้นว่า จีน

                   เตอร์กิสถาน (Turkestan) และเปอร์เซีย (Persia) ทั้งนี้ ราคาทาสไม่มีความแน่นอน มักขึ้นลง
                   ตามสภาวะสงครามและความอดอยากในแต่ละช่วงเวลา
                                                                    12
                          อิทธิพลของศาสนาอิสลามทำให้สถานะของสตรีฮินดูตกต่ำลงไป เด็กหญิงจะถูกจัดให้

                   แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย ชีวิตของผู้หญิงจะต้องขึ้นอยู่กับสามีหรือลูกชาย การคบชู้หรือการ
                   นอกใจถือเป็นข้อห้ามอาชญากรรมของผู้หญิง แต่ไม่บังคับสำหรับผู้ชาย ผู้หญิงในชนบทไม่ค่อย

                   ได้รับการศึกษา ในขณะที่ผู้หญิงที่เป็นชนชั้นสูงกลับได้รับการศึกษาทั้งทางด้านอักษรศาสตร์และ
                   วิทยาศาสตร์ หญิงหม้ายห้ามมิให้แต่งงานใหม่ หากสามีเสียชีวิต สตรีที่เป็นชนชั้นสูงต้องกระโดด
                   ลงบนกองเพลิงตายตามสามีไป เรียกว่าพธีสตี (Sati) ส่วนประเพณีการเก็บตัวหรือปูระทะห์
                                                        ิ
                                                                                                     13
                   (Purdah) ทำกันทั้งในหมู่สตรีชาวฮินดูและมุสลิม
                          • ภาษาและวรรณกรรม ในระยะแรกพวกมุสลิมได้นำภาษาเปอร์เซียเข้ามาในราชสำนัก

                   เนื่องจากมีความคุ้นเคยมากกว่า แต่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากชาวฮินดูพยายามต่อต้านและ
                                                  ั
                   นำเอาภาษาถิ่นมาใช้ในการประพนธ์วรรณกรรม บทกลอน และบทเพลงมาใช้แทนภาษา
                   เปอร์เซีย ในเวลาต่อมาชาวมุสลิมจึงเริ่มใช้ภาษาอูรดู (Urdu) ซึ่งมาจากการผสมผสานระหว่าง

                                                                                           ี
                   ภาษาสันสกฤต เปอร์เซีย อาหรับ เตอร์ก และฮินดี ในระยะแรกภาษาอูรดูเป็นเพยงภาษาพด
                                                                                                     ู
                   หลังจากนั้นจึงมีภาษาเขียน ต่อมาอูรดูได้มีการพัฒนาไปสู่ภาษาท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมี
                   ส่วนทำให้ค่านิยมที่ว่าภาษาสันสกฤตเป็นภาษาสูงลดความสำคัญลง ปัจจุบันภาษาอูรดูยังคงเป็น
                   ภาษาทางราชการที่ใช้ในประเทศปากีสถาน



                          12  R.C. Majumdar. (1963). An Advanced History of India. London: Macmillan & Co., Ltd., p. 400.
                          13  ปูระทะห์ (Purdah) เป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันในสังคมฮินดูและมุสลิม โดยผู้หญิงจะถูกแยกห้องต่างหากหรืออยู่ด้านหลัง
                   ฉากกั้น รวมไปถึงการแต่งกายด้วยผ้าคลุมหน้า คลุมศีรษะเพื่อกันสายตาของผู้ชายหรือคนแปลกหน้าที่มองเข้ามา
   168   169   170   171   172   173   174   175   176   177   178