Page 49 - 054
P. 49
28
ี่
ิ
ึ
ั
็
็
บทบัญญัตทแสดงให้เหนถงแบบของพินัยกรรมเปนคร้งแรกในประเทศไทยน่าจะ
็
ึ
่
่
็
เปน บทท 49 ของพระไอยการ ลักษณะมรดก ซงเปนบทกฎหมายลักษณะหนงในกฎหมายตราสาม
ี่
ึ
4
ี
ี
ื่
ดวงยุคสมัยกรงศรอยุธยา โดยบทน้ได้ก าหนดเงอนไขเบ้องต้นในการท าพินัยกรรมว่าเปนผู้มอาการ
็
ื
ี
ุ
่
ึ
ิ
ั
ุ
็
ื
ั
ุ
ื
ปวยหนัก ส าหรบตัวผู้รบพินัยกรรมนั้น ระบถงญาตพี่น้องและทส าคัญคอถอว่าเปนการท าบญท า
ี่
็
ุ
ี
ทานยกทรพย์มรดกให้พระสงฆ์ จากนั้นได้มการแบ่งพินัยกรรมออกเปน 7 แบบ โดยพินัยกรรมทก
ั
ี
ี
ุ
็
็
ิ
ื
แบบจะต้องมพยานลกนั่งและไม่จ าเปนต้องเขยนเปนหนังสอ เร่มด้วยสองแบบแรกเปนพินัยกรรม
็
็
์
็
ซงผู้ท าเปนพระสงฆ์ให้มพยานเปนผู้อาวุโส 3-4 คน หากเปนพินัยกรรมของพราหมณต้องม ี
ี
็
่
ึ
ื
พระสงฆ์หรอพราหมณนั่งเปนพยาน 4-5 คน จากนั้นก็เปนพินัยกรรมอก 4 แบบทก าหนดจ านวน
็
็
ี
์
ี่
ี
ี่
ี่
ู
ี่
ิ
พยานมากน้อยตามฐานันดรของผู้ทท าพินัยกรรมทครอบครองทนา หากมบรรดาศักด์สง พยานก็จะ
ี
มจ านวนมากกว่าผู้ทมบรรดาศักด์ต ากว่าลดหลั่นลงไปตามล าดับ เช่นจากจ านวน 9-10 ลดลงไป
ี่
ิ
ี
่
็
ี
เหลอ 4-5 คน แบบสดท้ายถ้าเปนไพร่ท าพินัยกรรมพยานจะมจ านวนเพียง 3-4 คน เท่ากับจ านวน
ุ
ื
็
ี
ี
พยานกรณพระสงฆ์เปนผู้ท าพินัยกรรม โดยพยานลกนั่งใน 5 แบบหลังน้ไม่จ าเปนจะต้องเปนผู้ม ี
็
ุ
็
็
็
ุ
์
็
ื
อาวุโส เปนพระสงฆ์หรอพราหมณ คงเปนบคคลธรรมดาทั่วไปก็สามารถมานั่งเปนพยานได้
ี่
กฎหมายฉบับต่อมาทก าหนดแบบของพินัยกรรม ได้แก่พระราชบัญญัตว่าด้วยการ
ิ
ุ
ี
ิ
กระท าพินัยกรรม พ.ศ. 2478 วัตถประสงค์ของพระราชบัญญัตฉบับน้เพื่อแก้ไขปรบปรงแบบของ
ั
ุ
พินัยกรรมในพระไอยการลักษณะมรดก เช่น แบบพิธยุ่งยากทพิจารณาจากฐานันดร การไม่
ี่
ี
ี่
ี
ก าหนดให้มการลงวันท การไม่ยอมให้พินัยกรรมในภาวะสงคราม อันตรายใกล้จะตาย หรอการท า
ื
พินัยกรรมแบบไม่ต้องมพยาน เปนต้น
ี
็
ุ
่
ิ
ิ
ในทสดก็ได้มาถงการร่างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชย์ บรรพ 6 ซงมแนวคดใน
ึ
ี่
ี
ึ
ั
ี
ี่
การจัดท ามาตั้งสมัยรชกาลท 4 จนร่างส าเรจและประกาศใช้ในสมัยรชกาลท 7 มผลบังคับตั้งแต่วันท ี่
ี่
ั
็
1 ตลาคม พ.ศ. 2478 โดยคณะกรรมการตรวจช าระได้ยกร่างโดยน ากฎหมายเดมมาประยุกต์เข้ากับ
ิ
ุ
กฎหมายต่างประเทศทเปนหลัก เช่น ฝร่งเศส เยอรมัน และสวิตเซอรแลนด์ เปนต้น และนับแต่การ
ี่
็
์
็
ั
ี
ิ
ื่
ี
ื่
ประกาศบังคับเมอป พ.ศ. 2478 กฎหมายลักษณะมรดกของประเทศไทยเพิ่งมการแก้ไขเพิ่มเตมเมอ
ไม่นานมาน้โดยพระราชบัญญัตสองฉบับ ฉบับแรกพระราชบัญญัตแก้ไขเพิ่มเตมประมวลกฎหมาย
ิ
ิ
ี
ิ
ิ
แพ่งและพาณชย์ (ฉบับท 14) พ.ศ. 1688 วรรคสองและมาตรา 1702 วรรคสาม โดยทั้งสองมาตรา
ี่
แก้ไขรายละเอยดของสังหารมทรพย์ประเภทพิเศษให้มความทันสมัยยิ่งข้ง ฉบับทสองได้แก่
ิ
ี่
ี
ี
ั
ึ
ิ
ี่
พระราชบัญญัตแก้ไขเพิ่มเตมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชย์ (ฉบับท 17) พ.ศ. 2550 ให้ก่อตั้งท
ิ
ิ
ิ
ิ
รสต์ได้ดัวยอาศัยอ านาจตามบทบัญญัตแห่งกฎหมายเพื่อการก่อตั้งรายๆไป(ไพโรจน กัมพูสร, 2555:
์
ิ
ั
225-226)
ื่
ี
4 ชอหมวดของกฎหมาย เช่น พระไอยการลักษณะ กู้หน้ (ราชบัณฑตยสถาน, 2554: 812)
ิ