Page 197 - 052
P. 197
181
2.4 เสื้อคลุม
?
ี
I
ั
บิชต หรือ มชละหฺ เปQนเสื้อคลุมยาวผ?าหน,าตลอด ตดเยบโดยไมมแขนแต ?
็
ิ
ฺ
,
ุ
ั
ื
จะใช,วิธีเปดด,านข,างเอาไว,สําหรับสอดมอออกเวลาสวมใส? โดยจะสวมเขาชุดกบฆตเราะฮ หรือ ชุมาฆ
ึ
็
?
ี
ึ่
และเสวียนคาดศรษะ หรืออาจไมใช,เสวียนกได ซงเสื้อคลุมเปQนเครื่องแสดงถงฐานะทางสังคม แต ?
,
ิ
สําหรับประชาชนทั่วไปมีการสวมเสื้อคลุมเฉพาะในช?วงเทศกาลสําคญเทานั้น อาท วันอด พธีแตงงาน
ั
?
ี
ิ
?
เปQนต,น ทั้งนี้เปQนที่นิยมเฉพาะประเทศบนคาบสมุทรอาหรับ เช?น ซาอุดีอาระเบีย โอมาน คเวต กาตารI
ู
I
ฺ
ู
,
บาหIเรน เปQนตน ชาวมลายูสตลเรียกว?า “เบาะฮ” ซงเปQนการเรียกตามแบบชาวอยิปต ในจังหวัด
ึ่
ี
ุ
ี่
ึ
?
ี่
ู
ิ
สตลพบเสื้อคลุมชนิดนี้ไดน,อยมาก เฉพาะกลุ?มนักศกษาทจบจากประเทศทใช,ในพธีแตงงาน แต ?
,
ี
ี่
ั
ี
?
็
ี
ึ้
ป_จจุบันนี้ไมมให,ปรากฏนัก จะมเพยงบางมสยิดทนํามาใช,สําหรับคอเตบสวมเวลาขนกล?าวคฏบะฮใน
ฺ
ุ
วันศุกรI
3. วัฒนธรรมทางด,านอาหาร
อิทธิพลของวัฒนธรรมอาหรับทางด,านภาษาสามารถแบ?งออกเปQน 3ประเภท
ี
ุ
ั
,
3.1 ขาวมนซาอดอาระเบีย ขาวมนซาอดอาระเบียชาวอาหรับจะเรียกว?า
ั
ุ
ี
,
ั
ั
Kabsa (คบซา) เปQนขาวหุงกบเนื้อแพะ เนื้อแกะ ลักษณะของขาวจะแห,ง และหอมเครื่องเทศมากๆ
,
,
?
นิยมทานกนมากในซาอดอาระเบีย และเปQนทนิยมเช?นกนในคาบสมทรอาหรับ เช?น เยเมน จอรIแดน
ั
ุ
ี
ุ
ั
ี่
ั
ู
,
,
ู
ู
คเวต เปQนตน ชาวสตลจะเรียกขาวชนิดนี้ว?า “ขาวมนอาหรับ” ปรากฏในสตลมากว?า 40 ปG มาแล,ว
,
ี
ึ
ิ่
?
็
ึ่
โดยนักศกษาทศกษาประเทศอาหรับ นําสูตรกลับมาในถนตนตอมากเปQนทนิยมของชาวสตล ซงจัด
ู
ี่
ึ
ั
,
ื้
,
ี
?
เวลามเทศกาล เช?น งานมสยิด งานเมาลิด งานแตง งานเขาสุนัต งานตางๆและสามารถหาซอไดตาม
?
ท,องตลาดนัดทั่วไป
,
ี
?
I
3.2 ขาวหมกไก ขาวหมกเปQนอาหาร ทมเอกลักษณอย?างหนึ่งในตะวันออก
,
ี่
,
ั้
?
?
กลางรวมทงชาวมสลิมในประเทศตางๆ "ขาวหมกไก" เดมเปQนอาหารมสลิมมาจากเปอรIเซยหรือ
ุ
ี
ุ
ิ
อิหร?าน แขกเปอรIเซยกนเปQนขาวสวยธรรมดากบกบขาวพวกแกงกรหมา เนื้อเคม แกงเปรี้ยว ไกทอด
ุ
็
ี
?
?
ั
,
ิ
,
ั
,
ั
ิ
ื
?
?
ี
,
ผักดอง มานับร,อยๆ ปGแล,ว ไมไดเปQนอาหารพเศษจานเดยวแตอย?างไร ในขณะเดยวกนขาวหมกไกถอ
ี
?
เปQนท,องถิ่นชาวสตูลมากว?า 45 ปGอีกทั้งนิยมกันไม?น,อยไปกว?าขาวมนอาหรับ แหล?งทมาของขาวชนิดนี้
ี่
,
,
ั
ี่
?
?
ํ
,
ั
ุ
มาจากสูตรไก?ย?างจีราพน (มสลิมกรุงเทพ) มากอนทเร?มาขายในทองถน ตอมาคนสตลนําสูตรไปทาไก ?
ิ่
ู
ทอด และข,าวหมกไก? ซึ่งนิยมทานกันในวันสําคัญทางศาสนา เช?น วันฮารีรายอ งานรับแขกผู,ใหญ งาน
?
ึ
ั้
แตงงาน และงานประเพณตาง ป_จจุบันหารับประทานกนไดตามสะดวกตงแตย?านตลาดจนถง
?
?
,
ั
?
ี
,
ี
ึ่
ภัตตาคาร ซงมทงแบบไกตม ไกทอด และไขตม รับประทานกบน้ําจิ้มทมส?วนประกอบของพริก
ั้
ี
?
ี่
?
ั
,
?
,
ิ
กระเทียม เกลือ น้ําตาล น้ําส,มสายชู รสชาตของน้ําจิ้มจะตองกลมกล?อมทงสามรส ผักทรับประทานค ู?
ี่
ั้
กันก็มีผักกาดหอม ผักชี และแตงกวา
ุ
ั
3.2 ถวลูกไก ฮมมส, ฮมมส (องกฤษ: hummus) หรือ ฮมมศ (อาหรับ: ﺺ ﲪ
ั
ั่
)
?
ุ
ุ
ั
ุ
ُ
แหล?งกาเนิดจากอยิปต และซาม หรือซเรียป_จจุบัน เปQนอาหารประเภทจิ้ม ทาจากถวลูกไก?
ั่
I
ํ
ี
ํ
ี
ั้
ั่
ป_จจุบันฮมมสเปQนทนิยมทวตะวันออกกลาง (รวมทงตรก และแอฟริกาเหนือ) และในรายการอาหาร
ั
ุ
ี่
ี
ั
ี่
ึ
ี่
ี่
ี
ู
ตะวันออกกลางทั่วโลกสําหรับฮัมมัส เปQนอาหารประเภททปรากฏในสตลมทมาจากนักศกษาทจบจาก

