Page 226 - 047
P. 226
205
บทนา
็
ี
ฺ
ี่
ิ
อสลามเปนศาสนาเดยวเท่านั้นทพระองค์อัลลอฮ ทรงยินยอมและทรงสั่งให้
ึ
ุ
ุ
ื
มนษย์นับถอ แต่ด้วยความอ่อนแอของมนษย์แล้ว หากมนษย์ปราศจากการศกษาหรอทางน า
ื
ุ
ิ
ุ
ิ
ี
ึ
ฺ
ุ
ื
ึ
จากอัลลอฮ แล้วมนษย์ไม่อาจจะนับถออสลามโดยง่ายนัก ด้วยเหตน้ อสลามและการศกษาจงม ี
็
์
้
ึ
้
์
ความสัมพันธกันอย่างแน่นแฟน ความสัมพันธดังกล่าวเกิดข้นอย่างเปนระบบระหว่างเปาหมายกับ
กระบวนการหรอเครองมอ การนับถออสลามเปนเปาหมาย ส่วนการศกษาเปนเครองมอ การศกษา
็
ื
ึ
้
ื
ื่
็
ื
ิ
ื่
ึ
ื
ี่
ู
พัฒนาจากรปแบบทเรยบง่ายไปส่รปแบบทสมบูรณยิ่งข้น สอดคล้องกับความเจรญก้าวหน้าทาง
ี่
ิ
ู
ู
ี
ึ
์
ี่
ี่
ั
ี
็
ี
สังคมทสถานศกษานั้นๆด ารงอยู่ในสังคมทเรยบง่าย ขณะทความจ าเปนต่อปจจัยยังชพทจ ากัด
ึ
ี่
ี่
ี
ึ
ื่
ี่
็
ี่
่
ึ
เฉพาะเรองทเกี่ยวกับการด ารงชวิตและการเอาตัวรอด การศกษาเปนกิจกรรมหนงทเกี่ยวข้องกับ
ึ
ั
ความรบผิดชอบ ความรสกรบผิดชอบจะต้องด าเนนไปด้วยความระมัดระวังยิ่ง จ าเปนจะต้องม่ง
็
ุ
ั
ู
ิ
้
ั
็
ี่
ี่
ั
้
ู
ความสนใจไปทการแก้ปญหาต่างๆทเกี่ยวข้อง เพื่อการแก้ปญหาดังกล่าวจ าเปนต้องอาศัยความรท ี่
้
ี
ี่
ี
ี
ี่
ี
ู
ี่
แท้จรง ความรทมหมายถงก็คอ ความรทมระเบยบแบบแผนและกฎเกณฑ์ ทมพื้นฐานจากระเบยบ
้
ี
ู
ิ
ื
ึ
ี
็
ู
ี่
ี
ี
้
ี
ู
วิธทเฉพาะ วิชาความรถกเรยกว่าระเบยบวิธอยู่เสมอ เพราะมันถกจัดว่างอย่างเปนระบบและมความ
ี
ู
แน่นอน มวิธการถ่ายทอดเปนวิชาการ เช่นเดยวกับปรชญาทมระเบยบวิธการถ่ายทอดทเปนตัวของ
ั
ี่
ี่
ี
็
ี
็
ี
ี
ี
ี
มันเอง
ี
ื่
จากการศกษาวิจัยเรอง แนวทางการบรหารงานวิชาการของโรงเรยนเอกชนสอน
ึ
ิ
ิ
ิ
ศาสนาอสลาม ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ฟารด เตะมาหมัด ,2550) ผลการวิจัยในด้าน
ู
ี
หลักสตรพบว่า โรงเรยนควรบูรณาการหลักสตรอสลามศกษาให้มความกระชับและขจัดความ
ี
ู
ิ
ึ
ื
ี
ี
ซ ้าซ้อนของเน้อหาให้หมดไป จัดให้มการสลับคาบเรยนระหว่างวิชาศาสนาและวิชาสามัญ ควรจัด
อบรมความรเพิ่มเตมให้กับคร การประชาสัมพันธหลักสตรควรจัดในรปแบบของปายนเทศหรอการ
ิ
ื
ู
้
้
ู
ิ
ู
์
ู
ี่
ี่
ี
ี
้
ี
ี่
ู
เผยแพร่เอกสารตามสถานทต่างๆทมความส าคัญต่อชมชน จัดให้มการแลกเปลยนเรยนรด้าน
ุ
ึ
ุ
หลักสตรระหว่างโรงเรยนในเครอข่าย ซงสอดคล้องกับงานวิจัยเรอง การพัฒนาคณภาพโรงเรยน
่
ู
ื่
ื
ี
ี
ิ
ุ
เอกชนสอนศาสนาอสลาม (นเลาะ แวอเซง และคณะ, 2552 : 743) พบว่า คณภาพของนักเรยนใน
็
ุ
ิ
ี
ิ
ื
ี
ั
ี่
ิ
ื่
โรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลามยังไม่เปน ทน่าพอใจ สบเนองจากปญหาด้านการบรหารจัดการ
็
ี
ิ
โรงเรยน หลักสตร และการจัดการเรยนการสอน โดยพบว่า ในส่วนของการบรหารจัดการโรงเรยน
ี
ี
ู
ี
ิ
นั้น ผู้บรหารขาดทักษะในการเปนนักบรหาร ไม่มระบบฐานข้อมูล งบประมาณไม่เพียงพอ ขาด
็
ิ
ิ
ี่
ี่
ี่
ความพรอมด้านสภาพแวดล้อมสถานท และทส าคัญหน่วยงานทรบผิดชอบโดยตรงในการบรหาร
้
ั
ิ
โรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลาม ในส่วนของหลักสตรนั้น พบว่า หลักสตร ไม่สามารถเทยบโอน
ี
ู
ี
ู
ได้ การจัดการเรยนการสอนยัง ไม่สามารถบูรณาการระหว่างหลักสตรศาสนาและหลักสตรสามัญ
ู
ี
ู