Page 305 - 045
P. 305
283
1. ขั้นตอนการตั้งเจตนารมณ์แน่วแน่ พบว่า ผู้บริหารมักแสดงออกทางวาจา และแสดง
ื่
ทางพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงการเนี๊ยตในการดําเนินงาน/กิจกรรมเป็นไปเพื่อหวังผลตอบแทนจากผู้อนและยัง
ิ
พบว่าผู้บรหารแสดงออกทางวาจาเพื่อมุ่งหวังผลประโยชน์ของตนอย่างสูงสุดซึ่งมีความขัดแย้งจากข้อมูล
ี
การสัมภาษณ์โดย ฮารณ ยูโซะ (2558) ให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหากระบวนการวางแผนของโรงเรยนเอกชนสอน
ศาสนาอิสลาม สังกัดสํานักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส ด้านการตั้งเจตนารมณ์แน่วแน่จะพบน้อย
มาก สืบเนื่องจากในขั้นตอนของการตั้งเจตนารมณ์นี้กล่าวได้ว่าเป็นนามธรรมที่อยู่ภายในจิตสํานึกของ
ื
ู
ผู้ปฏิบัติงานแต่ละบุคคล ไม่สามารถตรวจสอบหรอวัดในเชิงรปธรรมได้ ส่วนแนวทางแก้ไข ฮารณ ยูโซะ
ื
(2558) ให้สัมภาษณ์ว่า ควรจะเป็นในลักษณะการพูดคุยปรกษาหารอ เพื่อทบทวนปัญหาที่เกิดและดึงเจตนา
ึ
ร่วมของทุกคนมาสู่ทิศทางเดียวกันอีกครั้ง อีกทั้งในฐานะผู้บริหารก็ควรที่จะเอาไปประเด็นนี้พูดในวาระการ
ื่
ั้
ประชุมทุกครง ต้องจดว่าจะต้องพูดเรองนี้นะ ไม่ว่าจะเอยก่อนประชุม หรอท้ายเวลาของประชุม เหมือนเรา
ื
่
สร้างให้ทีมงานรู้ว่าเราให้ความสําคัญกับเรื่องนี้จึงพูดถึงเรื่องนี้บ่อย
2. ขั้นการตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับอนาคต พบว่าผู้บริหารขาดความรู้ ความเข้าใจ และ
ู้
ื่
ประสบการณ์ในเรองการวิเคราะห์ SWOT การวิเคราะห์ การตั้งสมมติฐานจะอาศัยความรสึกมากกว่าการ
ิ
ิ
อ้างอิงข้อมูล ผู้บรหารขาดการนํานโยบาย ข้อมูลสารสนเทศที่แท้จรงมาใช้ในการจัดทําแผน และ ขาดการชู
รอ ปรึกษาหารือ กับหัวหน้าฝ่าย ซึ่งสอดคล้องกับอาไซน์นา อับดุลเลาะ (2558) ให้สัมภาษณ์ว่า การรวบรวม
ิ
ข้อมูลเพื่อตั้งสมมติฐานประกอบกระบวนการวางแผนในบรบทของโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลามใน
ิ
ี
ั
พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้มีการนําข้อมูลข่าวสารที่ได้รบมากระทําการวิเคราะห์และสังเคราะห์อย่าง
ั
มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ส่วนแนวทางแก้ไข อาไซน์นา อบดุลเลาะ (2558) ให้สัมภาษณ์ว่า ควรนําข้อมูลที่
ั
ได้รบมาทําการวิเคราะห์อย่างถูกต้องและชัดเจน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผน และแต่งตั้ง
คณะกรรมการในการวิเคราะห์ถึงสภาพปัจจัยต่างๆ เพื่อกําหนดสมมุติฐานเกี่ยวกับอนาคตอย่างเป็นระบบ
โดยจะต้องวางบุคลากรที่เป็นคณะกรรมการนั้นให้เหมาะสมกับความถนัดและความสามารถ
3. ขั้นการกําหนดวัตถุประสงค์ พบว่า ผู้บริหารกําหนดวัตถุประสงค์เชิงปริมาณเท่านั้น
ิ
่
ไม่ได้เน้นคุณภาพ ขาดการมีส่วนรวมของหลายๆฝ่ายในการกําหนดวัตถุประสงค์ และผู้บรหารเป็นผู้
ู
กําหนดเอง ทําให้ครไม่ให้ความสําคัญเท่าที่ควรและพบว่าเนื่องจากบุคลากรมีความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่
ิ
แตกต่างกัน ฮารณ ยูโซะ (2558) ให้สัมภาษณ์ว่า แนวทางแก้ไขดังกล่าวนั้นควรการจัดตั้งหน่วยเสรมที่จะ
ั
ุ
คอยช่วยเหลือด้านกระบวนการวางแผนโดยเฉพาะ เพื่อรบผิดชอบในการศึกษาข้อมูลและสรปประมวลผล
อีกครั้ง