Page 168 - 031
P. 168
153
ิ
ู
1.5 ผู้บรหารโรงเรยน ควรค านงถงความแตกต่างของวุฒการศกษาของคร ท ี่
ี
ึ
ิ
ึ
ึ
ิ
ิ
ื
ิ
ุ
ั
ี
ปฏบัตงานในโรงเรยนในการจัดสรรทรพยากร การกระต้นหรอการส่งเสรมให้ปฏบัตงาน และด้าน
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
การประสานงานของโรงเรยนเพื่อเพิ่มประสทธภาพของการบรหารงานโรงเรยน
ิ
ี
ิ
ี
ิ
ี่
ี
ี
ี
1.6 การบรหารงานโรงเรยนทมขนาดต่างกัน ผู้บรหารโรงเรยน ควรมกระบวนการ
ี
ั
ในการบรหารงานทเหมาะสมกับสภาพของโรงเรยนแต่ละขนาดซงมปจจัยทางการบรหารหลายๆ
ิ
ี
ี่
ิ
ึ
่
ิ
ี
ี่
็
ิ
ึ
อย่างทแตกต่างกัน เพื่อผลส าเรจของการจัดการศกษาทมประสทธภาพ
ี่
1.7 หน่วยงานทเกี่ยวข้อง ควรน าข้อมูลทได้รบจากการวิจัยคร้งน้ไปเปนแนวทาง
ั
ี่
ั
็
ี
ี่
ิ
ิ
ั
ิ
ั
ในการจัดสรรทรพยากร การนเทศตดตาม การจัดอบรมสัมมนาและการส่งเสรมสนับสนนปจจัย
ุ
ี
ิ
ิ
ต่างๆเพื่อเพิ่มศักยภาพของการบรหารงานโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลาม
2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยคร้งต่อไป
ั
ึ
ิ
ี
ุ
ี
2.1 ควรจะมการศกษากระบวนการบรหารของผู้บรหารให้ครอบคลมทั้งโรงเรยน
ิ
ของรฐและโรงเรยนเอกชนเพื่อทจะสามารถเปรยบเทยบความแตกต่างของการบรหารงานของแต่ละ
ิ
ี
ี่
ี
ั
ี
ี
ประเภทโรงเรยน
ิ
2.2 ควรจะมการศกษาเกี่ยวกับปจจัยทมผลต่อการด าเนนงานตามกระบวนการ
ึ
ี
ี
ี่
ั
บรหารงานของผู้บรหารสถานศกษา
ิ
ิ
ึ
ี
ึ
ี
ิ
ุ
2.3 ควรมการศกษาวิจัยเชงคณภาพเกี่ยวกับกระบวนการบรหารงานของโรงเรยน
ิ
ี
ิ
เอกชนสอนศาสนาอสลามโรงเรยนใดโรงเรยนหนงเพื่อเปนกรณศกษา
็
ี
ึ
ี
ึ
่