Page 87 - 023
P. 87
75
ั
ู้
ยศต่ ากว่า ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของนงเยาว์ แก้วมรกต (2542) ที่ได้ศึกษาผลการรบรคุณภาพชีวิต
การท างานที่มีต่อความผูกพันองค์การของพนักงานบุคคลในเขตกรงเทพฯรและปรมณฑล พบว่า
ุ
ิ
ู้
ั
ระดับต าแหน่งมีผลต่อการรับรู้คุณภาพชีวิตการท างาน โดยระดับผู้บังคับบัญชาจะมีการรบรคุณภาพ
ชีวิตการท างานได้ดีกว่าระดับปฏิบัติการ จะเห็นได้ว่าระยะเวลาในการปฏิบัติงานในสามจังหวัด
ชายแดนภาคใต้และระดับชั้นยศ มีผลต่อการปรับตัวด้านบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ต ารวจ
ั
ั
ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับการปรบตัวด้านอตมโนทัศน์ของเจ้าหน้าที่
ต ารวจ คือ ระดับการศึกษา เนื่องจากระดับการศึกษา คือ กระบวนการเรียนรู้ (Learning process)
ซึ่งประกอบด้วย การคัดเลือก การตีความสร้างสรรค์ และน าความรู้ใหม่ของผู้เรียนแต่ละคนสามารถ
น าไปประยุกต์ใช้ในชีวิต การแก้ปัญหา และการท างานต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของบุคคล
ั
ั
ู้
์
อนมีผลเนื่องมาจากการได้รบประสบการณ์ตลอดจนองค์ความรในศาสตรต่างๆโดยผ่านกลไกการ
รับรู้ ดังนั้นการศึกษาจึงมีผลต่อการปรับตัวด้านอัตมโนทัศน์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ
ื่
อมร ราชณรงค์ (2521) ที่ได้ศึกษาเรอง ปัจจัยบางประการที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานป้องกัน
และปราบปรามอาชญากรรมของเจ้าพนักงานต ารวจ : ศึกษาเฉพาะกรณีกองบังคับการต ารวจนคร
บาลพระนครใต้ กองบัญชาการต ารวจนครบาล พบว่า ระดับการศึกษาของเจ้าพนักงานต ารวจ
มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม กล่าวคือ เจ้าพนักงานต ารวจที่
ี
ิ
มีการศึกษาสูงตั้งแต่ระดับปรญญาตรขึ้นไปมีแนวโน้มที่จะปฏิบัติงานป้องกันปราบปราม
ี
อาชญากรรมได้อย่างเข้มแข็งกว่าเจ้าพนักงานต ารวจที่มีการศึกษาต่ ากว่าปรญญาตร และสอดคล้อง
ิ
กับแนวคิดของพูลศักดิ์ บุเกตุ (2543) ที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับความรความเข้าใจและปัจจัยที่มี
ู้
ิ
ั
ความสัมพันธ์กับการปรบบทบาทของหัวหน้าส่วนราชการองค์การบรหารส่วนจังหวัดตาม
พระราชบัญญติองค์การบรหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์
ิ
ั
กับการปรับบทบาท ได้แก่ ระดับการศึกษาสูงสุด
ั
ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านเศรษฐกิจกับการปรบตัวด้านบทบาทหน้าที่และ
ด้านอตมโนทัศน์ของเจ้าหน้าที่ต ารวจ คือ ความพอเพียงของรายได้ รายได้เป็นปัจจัยพื้นฐานทาง
ั
เศรษฐกิจที่ส าคัญต่อการด ารงชีวิตของบุคคล และเป็นสิ่งที่ท าให้บุคคลจะได้รับการตอบสนองความ
ต้องการในด้านต่างๆ เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย และเครองอานวยความสะดวกในชีวิต รวมทั้งเป็น
ื่
ปัจจัยส าคัญในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆในสังคม ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของดวงเดือน
มูลประดับ (2540 : 71) ที่กล่าวว่า รายได้แม้ไม่ใช่สิ่งที่จ าเป็นที่สุดในชีวิต แต่ก็เป็นปัจจัยที่มีอทธิพล
ิ
ั
ต่อความสามารถในการปรบตัวและการด าเนินชีวิต ในการตอบสนองความต้องการพื้นฐานของ
บุคคล ผู้มีรายได้ดีมีโอกาสแสวงหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับชีวิตได้มากกว่าคนที่มีรายได้น้อยกว่า
ดังนั้นความพอเพียงของรายได้จึงมีผลต่อการปรับตัวของเจ้าหน้าที่ต ารวจ

