Page 473 - 022
P. 473
473
1) ผู้ปกครองหรอสามของพวกนางไม่อนญาตให้นางออกจากบ้าน
ื
ุ
ี
ื
ื่
ื่
2) ฟตนะฮ์ทอาจเกิดข้นต่อพวกนางหรอต่อผู้อนอันเนองจากการออกจากบ้านไปส่มัสยิด
ิ
ี่
ึ
ู
ของพวกนาง
ั
3) ภารกิจหลักภายในบ้านรดตัวพวกนางจนไม่สามารถปลกตัวออกจากบ้าน แม้กระทั่งการ
ี
่
ี่
ื
ไปละหมาดทมัสยิด ซงการออกจากบ้านของพวกนางอาจก่อให้เกิดความบกพร่องต่อหน้าทหรอ
ี่
ึ
อาจสญเสยงาน
ี
ู
ี
การภักดและเชอฟงต่อผู้ปกครองหรอสามเปนส่งทวาญบ แต่การออกไปละหมาดทมัสยิด
ิ
ั
ี่
ี
ื่
ี่
ื
็
ิ
ี
์
ุ
ั
ื่
ี่
็
ิ
เปนส่งมบาหส าหรบสตร ดังนั้นเมอสองการกระท าทมความขัดแย้งกันระหว่างวาญบ (ต้องกระท า)
ี
ิ
ิ
็
ุ
ื
ิ
ี่
์
ุ
กับมบาห (กระท าได้) จะต้องเลอกส่งทวาญบมาก่อนเปนอันดับแรก อย่างไรก็ตามแม้ว่าการอนญาต
็
ี
์
ี
ิ
ี
ิ
ี
ให้สตรออกนอกบ้านเปนสทธ์โดยตรงของผู้ปกครองหรอสามของพวกนาง แต่มหะดษศอฮหหลาย
ี
ื
ี
ี
ี่
ิ
บททท่านนบ ได้เข้าแทรกแซงสทธ์ ิน้พรอมกับก าชับให้บรรดาผู้ปกครองและสามของพวกนาง
้
ี
ุ
้
ี่
ื่
อนญาตให้พวกนางออกไปละหมาดทมัสยิดเมอพวกนางรองขอ (Bukhari: 899, 900, 5238;
ี
Muslim: 442, 4/136, 4/139) ซงแสดงให้เหนว่าการละหมาดทมัสยิดของพวกนางมคณค่าสงไม่น้อย
ู
ุ
็
ึ
่
ี่
ุ
ุ
ี่
กว่าการละหมาดทมัสยิดของพวกบรษ
ื่
ี่
ี
ุ
ิ
ส าหรบในเรองฟตนะฮ์นั้น ผู้ทรงคณวุฒเหนว่า การทสตรออกไปละหมาดทมัสยิดในสังคม
็
ี่
ิ
ั
ิ
็
ิ
มสลมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ถอว่าเปนฟตนะฮ์ เพราะว่าเปนสังคมทเปดให้สตรออกส่สังคม
็
ี่
ี
ุ
ู
ิ
ื
ภายนอกอยู่แล้ว ส่วนการผูกมัดกับภารกิจหลักภายในบ้านนั้น สตรแต่ละคนมระดับการผูกมัดท ี่
ี
ี
ึ
แตกต่างกัน ซงข้นอยู่กับสถานภาพและสภาพแวดล้อมของแต่ละคน บางคนอยู่ในสภาพทตั้งครรภ์
ึ
ี่
่
ใกล้จะคลอดซงไม่สามารถทจะออกไปไหนได้ บางคนมลกเล็กทจะต้องดแลตลอด 24 ชั่วโมง และ
ี
ู
ี่
ึ
ู
ี่
่
ี
ู
ี
ี
ี่
ี่
บางคนมสามทล้มปวยทจะต้องดแลอย่างใกล้ชด ซงไม่อาจปลกตัวออกนอกบ้านได้แม้กระทั่ง
่
ิ
่
ึ
ั
ื
ี่
ี่
ออกไปละหมาดทมัสยิด ในขณะทสตรบางคนไม่มภารกิจใดทจะต้องรบผิดชอบภายในบ้าน หรอ
ี่
ี
ี
ุ
ิ
ี่
ี่
ี่
ี
ั
ี
รบผิดชอบในระดับทมเวลาว่างพอทจะออกนอกบ้านได้ จงไม่มเหตอันใดทจะมให้พวกนางออกไป
ึ
ี่
ี่
ละหมาดทมัสยิด เพราะการออกไปละหมาดทมัสยิดของพวกนางย่อมส่งผลเชงบวกต่อศาสนาและ
ิ
ี
ี่
สังคมอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นหากพวกนางออกไปละหมาดทมัสยิดทมกิจกรรมการเรยนการสอน
ี่
ี
็
ิ
ศาสนาด้วยยิ่งสมควรส่งเสรมให้พวกนางออกไปเข้าร่วมเปนอย่างยิ่ง
2.3 บทบาทในการดะอ์วะฮ์หรอเผยแผ่ศาสนาอสลามแก่สังคม
ิ
ื
ิ
็
ิ
ุ
ื
ี
ผู้ทรงคณวุฒมความเหนว่า บทบาทของสตรในการดะอ์วะฮ์หรอเผยแผ่ศาสนาอสลามแก่
ี
ู
สังคมจะต้องส่งเสรมให้สงมากข้นเท่าทสามารถทจะกระท าได้ ถงแม้ว่าผลการวิจัยอยู่ในระดับปาน
ี่
ึ
ึ
ี่
ิ
ี
ี
กลางแล้วก็ตาม ( = 3.42) ทั้งน้เพราะว่ากิจกรรมการดะอ์วะฮ์ในหมู่สตรนั้นมความจ าเปนอย่างยิ่ง
็
ี