Page 253 - 017
P. 253

253






                      บุรุษก็ไมํอาจเข๎าถึงหรือให๎รายละเอียดได๎ ดังที่ผู๎ให๎ข๎อมูล (สรินฏา ,  2556) กลําววํา ‚จําเป็นสําหรับ

                      มุสลิมะฮฺ ถ๎ามีโอกาสในการเข๎าไปชํวยเหลือสังคมที่มุสลิมีนไมํสามารถที่จะเข๎าไปได๎  นั่นคือสิ่ง


                      สําคัญ และบางอยําง เรื่องของเด็ก กลุํมเล็กๆ การเข๎าถึง ความอํอนโยน พูดถึงมุสลิมีนเขาอาจจะเข๎า

                      ไมํได๎‛ สอดคล๎องกับผลการศึกษาของ Ramadฺān Ish ฺāq al-Zaiyān (2005: 1422) ที่วํา ‚การดะอฺวะฮฺ

                      ของมุสลิมะฮฺมีด๎านเฉพาะสําหรับมุสลิมะฮฺ ซึ่ง บุรุษไมํสามารถที่จะแก๎ไขปัญหาหรือแทนที่สภาพ

                      เหลํานี้ได๎ ตัวอยํางเชํน  สิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องเฉพาะด๎าน  เชํนเรื่องความสะอาดของสตรี การตั้งครรภ๑

                      เรื่องของแมํนมและอื่นๆ‛

                                     สําหรับองค๑กรดะอฺวะฮฺของมุสลิมะฮฺ  ในสาม จังหวัดชายแดนภาคใต๎และ

                      กรุงเทพมหานคร ล๎วนแล๎วเป็นองค๑กรดะอฺวะฮฺที่ยังไมํได๎จดทะเบียนทางกฏหมายอยํางเป็นทางการ

                      ดังที่ผู๎ให๎ข๎อมูล (มยุรา, 2556) กลําววํา ‚กลุํมองค๑กรที่ทํางานกันอยูํในประเทศไทย ถ๎าพูดถึงองค๑กร

                      สตรีที่เป็นมุสลิมจริงๆ แล๎ว  เป็นองค๑กรที่เป็นทางการจริงๆ แทบไมํมีเลย ที่แบบเป็นทางการแบบมี


                      หัวกระดาษนั้นแทบไมํมี อยําง  WAMY (สภายุวมุสลิมโลก ประจําประเทศไทย)  ก็เป็นองค๑กรที่มี

                      ฝ่ายสตรีอยูํ ก็เป็นองค๑กรที่เน๎นหลายด๎าน แตํองค๑กรที่แบบผู๎หญิงเองจริงๆ ก็ไมํมี‛  ผู๎วิจัยมีความเห็น

                      วํา ควรจะมีการจัดตั้งองค๑กรสตรีมุสลิมที่เป็นทางการ มีการจดทะเบียนเป็นที่เรียบร๎อย อาจจะจัดตั้ง

                      องค๑กรกลางอยูํในกรุงเทพมหานครและมีองค๑กรเครือขํายแตํลํะภาค เพื่อให๎การทํางานดะอฺวะฮฺ

                      ของมุสลิมะฮฺมีความเข๎มแข็ง มีศักยภาพ และที่สําคัญคือเป็นเอกภาพ แตํขณะเดียวกันก็เปิดโอกาส

                      ให๎แตํเครือขํายดําเนินกิจกรรมในวิธีการตํางๆ ที่สอดคล๎อง เหมาะสมกับสภาพท๎องที่นั้นๆ ได๎อยําง

                      อิสระเพื่อให๎สอดรับกับสังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิตของมัดอูย๑ในที่ๆ นั้น ที่อาจมีความแตกตํางกัน

                      และควรมีสถาบันในการเตรียมพร๎อมการเป็นดาอิยะฮ  ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมมุสลิมในประเทศไทย

                      ยังขาดอยูํ ทั้งนี้เพื่อผลิตและเสริมสร๎างพัฒนาศักยภาพของดาอิยะฮฺในการทํางาน สูํสังคมได๎อยํางมี


                      ประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล    ยกตัวอยํางในบางประเทศ เชํน ที่ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมี
                                                                            122
                      สถาบันเพื่อการ เสริมสร๎างศักยภาพ การเป็นอิมามและนักดาอีย๑ อยํางชัดเจน ผู๎วิจัยมีความเห็นวํา

                      หากสังคมมุสลิมในประเทศไทยมีศักยภาพในการจัดตั้งสถาบันเพื่อการผลิ ตดาอิยะฮฺ  สังคมมุสลิม

                      จะได๎ประโยชน๑อยํางมากจากบรรดานักดาอีย๑ทั้งชายและหญิง และหากได๎ดําเนินการภายใต๎องค๑กร

                      ที่เป็นทางการ ยิ่งจะเป็นการเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการทํางานดียิ่งขึ้นไปอีก



                      122
   248   249   250   251   252   253   254   255   256   257   258