Page 128 - 013

128

้
ื่
2.3 วิธการสรางเครองมือ
ี

ื่
ี่
ื
เครองมอทใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งของ
ั
ิ
็
ี
ี
ิ
ผู้บรหารโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลามในจังหวัดปตตาน เปนแบบสอบถามและแบบ
ี
ื่
ื
์
ี
สัมภาษณ มวิธการสรางเครองมอดังน้ ี
้
ึ
1. ผู้วิจัยได้ศกษาแนวคด ทฤษฏ บทความ ต ารา เอกสารและงานวิจัยทเกี่ยวข้อง
ี
ิ
ี่
้
่
ึ
แล้วน าผลการศกษามาสรางเปนเครองมอ ซงผู้วิจัยได้ปรบปรงแบบสอบถามเกี่ยวกับวิธการ
ึ
ุ
ั
ื่
ื
็
ี
ู
ิ
ึ
จัดการกับความขัดแย้งจากแนวคดของ นวแมนและบรล (Pnenman and Bruehl, 1982, อ้างถงใน
ิ
ึ
ิ
์
เสรมศักด์ วิศาลาภรณ, 2540 : 45-60) โดยขอค าแนะน าจากอาจารย์ทปรกษาวิทยานพนธ ตรวจสอบ
ี่
์
ิ
ิ
ภาษา ความตรงเชงเน้อหา (Content Validity) แล้วปรบปรงแก้ไขเพื่อความถกต้อง
ู
ิ
ุ
ั
ื
ุ
ึ
2. น าแบบสอบถามทสรางข้นเสนอต่อผู้ทรงคณวุฒด้านการบรหารการศกษา
ี่
้
ึ
ิ
ิ
ื่
ี่
จ านวน 3 ท่าน (ดรายชอในภาคผนวก ข) เพื่อพิจารณาปรบปรง และตรวจสอบความเทยงตรง
ุ
ั
ู
ี่
ชัดเจนเชงเน้อหา (Content validity) คอพิจารณาข้อค าถามทสรางข้นมาว่ามความสอดคล้อง
้
ื
ึ
ี
ิ
ื
ื
ื
ื่
ี
ื
ึ
ิ
ระหว่างเน้อหาสาระของเครองมอกับเน้อหาสาระของส่งทต้องการศกษา โดยใช้ดัชนความ
ี่
ื
ี่
ี
สอดคล้องระหว่างข้อค าถามกับลักษณะเฉพาะ และคัดเลอกเฉพาะข้อค าถามทมความตรง ตั้งแต่
ี
็
ื่
0.5 ข้นไป โดยน าเครองมอทสรางข้นไปให้ผู้เชยวชาญแต่ละคนพิจารณาลงความเหนและให้
ึ
้
ึ
ี่
ื
คะแนน ดังน้ (รายละเอยดในภาคผนวก ข)
ี
ี
ี
ื่
+1 เมอแน่ใจว่าข้อค าถามมความสอดคล้อง
ี
ื่
0 เมอไม่แน่ใจว่าข้อค าถามมความสอดคล้อง
-1 เมอแน่ใจว่าข้อค าถามไม่มความสอดคล้อง
ี
ื่
ิ
ั
3. ปรบปรงแก้ไขแบบสอบถามตามทผู้ทรงคณวุฒแนะน าแล้วน าแบบสอบถามไป
ุ
ี่
ุ
ุ
ิ
ทดลองใช้ (Try-out) กับผู้บรหารเอกชนสอนศาสนาอสลามทไม่ใช้กล่มตัวอย่าง จ านวน 30 คน
ิ
ี่
ทมลักษณะคล้ายกล่มตัวอย่างแต่ไม่ใช่กล่มตังอย่าง เพื่อหาความเชอมั่น (Reliability) ตรวจสอบ
ี
ี่
ุ
ื่
ุ
ภาษาทใช้ ในการตอบแบบสอบถาม เพื่อปรบปรงข้อค าถามให้เหมาะสมกับเน้อหา ขอบข่ายของ
ื
ี่
ุ
ั
การวิจัย
ี่
ื่
4. น าแบบสอบถามททดลองใช้มาวิเคราะหหาความเชอมั่นของเครองมอโดยใช้
ื่
ื
์
ิ
สตรการวิเคราะหหาค่าสัมประสทธ์ ิอัลฟา (Alpha Coefficiecnt) ของครอนบาค (Cronbach) ผล
ู
์
์
ื่
การวิเคราะหได้ค่าความเชอมั่นเกินกว่า 0.75
ื
็
ั
ื่
5. น าแบบสอบถามมาปรบปรงไปใช้เปนเครองมอเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป
ุ