Page 230 - 001
P. 230

219


                                                                             32
                   สถานที่เพื่อใช้ในการบูชาเทพเจ้าและยังเป็นบ้านของเทพเจ้าด้วย  ในการสร้างเทวาลัยจึง
                   เหมือนการย่อจักรวาลลงมา ตั้งแต่ส่วนบนจนถึงส่วนล่างของอาคารจึงเป็นตัวแทนของโลก
                   สวรรค์ และดวงดาว ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมตามกำแพงของวัดในศาสนาฮินดูจึงปรากฏ
                   รูปของมนุษย์ สัตว์ ธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างต่างๆ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นบนโลก

                   นั่นเอง
                          อย่างไรก็ดี รูปทรงของวัดฮินดูไม่ได้มีเพยงรูปแบบเดียวกันทั้งประเทศ แต่กลับมี
                                                              ี
                   ความหลากหลายตามความนิยมในแต่ละภูมิภาค ตามคัมภีร์โบราณกล่าวตรงกันว่ารูปแบบ
                   สถาปัตยกรรมอินเดียแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบคือ นครา (Nagara) ทราวิฑ (Dravida) และ
                   เวสะระ (Vesara) ซึ่งมีผังที่ต่างกันคือ นคราใช้ผังสี่เหลี่ยม ทราวิฑมีผังแปดเหลี่ยม และ

                   เวสะระมีผังวงกลม นคราเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมของอินเดียเหนือ ทราวิฑเป็นของอินเดีย
                   ใต้ ส่วนเวสะระเป็นสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะผสมผสานระหว่างนคราและทราวิฑ ส่วนใหญ่
                                                              33
                   พบแถบเดคข่านตะวันตกและกรรณาฏกะตอนใต้

                   สถาปัตยกรรมฮินดูแบบอินเดียเหนือ

                          สามารถสรุปได้เป็นข้อๆ ดังนี้
                          1.  ลักษณะเด่นของสถาปัตยกรรมแบบอินเดียเหนือ คือ หอสูงหรือ ศิขร (Sikhara)

                   มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมีหลังคาโค้งสูง ไม่แบ่งเป็นชั้นๆ ไม่มีส่วนด้านหน้าของอาคาร
                   (กันสาด) เหมือนแบบดราวิเดียน ส่วนยอดโค้งขึ้นไปสู่ยอดและประดับด้วยอมาลกะ ที่มี
                                      ื
                   รูปร่างคล้ายผลมะเฟอง และมียอดแหลมข้างบน ต่อมารูปร่างของศิขรนี้จะเรียวขึ้นและ
                   มักจะมีรูปจำลองอาคารนี้ประดับอยู่ตามด้านต่างๆ สถาปัตยกรรมแบบนี้พบมากในแคว้นโอ
                   ริสสา รัฐมหาราษฎร์ และทางตะวันตกของแคว้นเบงกอล แต่ก็ยังพบที่อินเดียใต้ด้วย เช่น ที่

                         34
                   ไอโหเล
                          2.  ทางเข้าไปสู่ห้องครรภคฤหะหรือเรือนธาตุจะมีประตูเดียว ซึ่งภายในจะใช้เป็นที่
                   ประดิษฐานรูปเคารพของเทพเจ้า เช่น หากเป็นเทวาลัยในไศวนิกาย ภายในห้องครรภคฤหะ

                   จะประดิษฐานศิวลึงค์บนฐานโยนี เป็นต้น
                          3.  ด้านหน้าของห้องครรภคฤหะจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่เรียกว่า มหามณฑป

                   (Mahamandapa) ซึ่งจะมีทางเดินแคบๆที่เรียกว่า อันตะราละ (Antarala) เชื่อมต่อระหว่าง
                   สองส่วนนี้อยู่
                          4.  ห้องครรภคฤหะจะมีแผนผังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส

                          5.  ที่ด้านหน้าของครรภคฤหะหรือมณฑปมักจะมีธวัช-สตัมภะ (Dhvajastambha)
                   เสานี้เป็นสัญลักษณ์ของมหาจักรพรรดิ ที่ยอดเสาประดับด้วยลัญฉนา (Lanchana -เครื่อง

                   แสดงยศศักดิ์) คือ สัญลักษณ์ที่ทำด้วยทองแดงหรือทองเหลืองในลักษณะคล้ายธง ลัญฉนานี้



                          32  S.P. Gupta. (2001). Elements of Indian Art. New Delhi: D.K. Printworld (P) Ltd., p. 11.
                          33  Swami Harshananda. (no date). All about Hindu Temple. Madras: Sri Ramakrishna Math Printing Press,
                   p. 5-6, อ้างถึงใน จิรัสสา คชาชีวะ, โบราณคดีอินเดีย, หน้า396.
                          34  จิรัสสา คชาชีวะ, โบราณคดีอินเดีย, 398.
   225   226   227   228   229   230   231   232   233   234   235