Page 47 - 067
P. 47

33






                                                             ื่
                       ปัตตานี ถังปฏิกรณ์  CSTR  ดังกล่าวได้ถูกใช้เพอผลิตไฮโดรเจนจากการหมักร่วมระหว่าง POME  และ
                                                    ิ
                       ซีรัมน้้ายางสกิมที่สภาวะเทอร์โมฟลิกและควบคุมระยะเวลากักเก็บน้้า (HRT) 4.5  วันในงานวิจัย
                       ก่อนหน้านี้
                                                                                          ั
                              ผลผลิตไฮโดรเจนจากการหมักร่วมระหว่าง POME และสาหร่ายพงชะโดที่อตราส่วนผสมต่าง ๆ
                                                                                  ุ
                       โดยมีความเข้มข้นเท่ากับ 10 g-VS/L ในทุกชุดการทดลองด้วยอัตราส่วนระหว่าง POME กับ สาหร่าย
                       พงชะโดดังที่กล่าวมาข้างต้นและใช้เฉพาะสารละลายเถ้าปาล์มเป็นสารบัพเฟอร์โดยไม่มีการเติม
                        ุ
                       สารอาหารอื่น ๆ ผลผลิตไฮโดรเจนสูงสุด 65.35±3.37 mL-H /g-VS added  ได้จากการหมักที่อตราส่วน
                                                                                                   ั
                                                                         2
                       การผสมของ POME  และสาหร่ายพงชะโดเท่ากับ 90:10  (VS  Basis) ผลผลิตไฮโดรเจนดังกล่าว
                                                      ุ
                       เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 และร้อยละ 58 เมื่อเทียบกับการหมักเฉพาะ POME และสาหร่ายพงชะโด ผลผลิต
                                                                                             ุ
                       ไฮโดรเจนที่ได้จากการหมักชุดที่มีสัดส่วนของสาหร่ายร้อยละ 10-60 (VS Basis) พบว่าถึงแม้แนวโน้ม
                       จะค่อย ๆ ลดลงตามปริมาณของสาหร่ายที่ลดลง แต่ผลผลิตไฮโดรเจนที่เกิดขึ้นไม่แตกต่างอย่างมี
                       นัยส้าคัญ (P-value>0.05) แต่จากผลการทดลองที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนของผลผลิตไฮโดรเจนที่

                       ลดลงอย่างมีนัยส้าคัญเมื่ออัตราส่วนของสาหร่ายสูงกว่าร้อยละ 70 ขึ้นไป
                                                        ุ
                              เมื่อหมักโดยใช้เฉพาะสาหร่ายพงชะโดให้ผลผลิตไฮโดรเจนค่อนข้างต่้าเท่ากับ  27.34±0.98
                       mL-H /g-VS added  ซึ่งเป็นค่าที่ใกล้เคียงกับผลผลิตไฮโดรเจนที่ได้จากการหมักน้้าตาลกลูโคสที่ความ
                            2
                       เข้มข้น 10 g/L ตลอดช่วงการหมักเป็นระยะเวลา 8 วัน เนื่องจากชุดหมักสาหร่ายพงชะโดและน้้าตาล
                                                                                           ุ
                       กลูโคสที่สัดส่วนของสารอาหารที่ไม่เหมาะสมส่งผลให้จุลินทรีย์ไม่สามารถท้างานได้อย่างมี
                       ประสิทธิภาพ จากผลรวมของแก๊สไฮโดรเจนพบว่าในช่วงที่มีอตราส่วนของสาหร่ายผสมอยู่มากคือ
                                                                           ั
                       ร้อยละ 70-90  จะสามารถเกิดไฮโดรเจนได้ตั้งแต่วันแรกของการทดลอง แต่จะเห็นได้ชัดเจนเมื่อมี
                                                   ั
                       อัตราส่วนของสาหร่ายที่ลดลงแต่อตตราส่วนของ POME ที่เพมขึ้น ส่งผลท้าให้ระยะเวลาช่วงของการ
                                                                         ิ่
                       ปรับตัวจุลินทรีย์ (lag phase) นานขึ้นดังภาพที่ 4.1 เนื่องมาจากองค์ประกอบของน้้ามันที่ปนอยู่ใน
                       POME ที่ย่อยสลายได้ค่อนข้างยากกว่า โดยผลจากการศึกษาของ Rasit et al. (2015) พบว่าไขมันมี
                       ผลต่อกระบวนการย่อยสลายแบบไร้อากาศในขั้นตอนการไฮโดรไลซิสท้าให้เกิดผลผลิตของการเกิด

                       แก๊สล่าช้าในระยะเริ่มต้นของการหมัก แต่อย่างไรก็ตามผลผลิตของแก๊สที่เกิดขึ้นในส่วนที่มี POME
                       ตั้งแต่ร้อยละ 40  ขึ้นไปจะให้ผลผลิตแก๊สไฮโดรเจนที่สูงกว่าอย่างมีนัยส้าคัญ (P-value<0.05)  เมื่อ
                       เทียบกับที่มี POME  ผสมอยู่ตั้งแต่ร้อยละ 30 ลงไป แต่ที่การหมัก POME  อย่างเดียวให้ปริมาณรวม
                       ของไฮโดรเจนที่ต่้ากว่าแบบผสม ที่มี POME ผสมอยู่ตั้งแต่ร้อยละ 40 ขึ้นไป (ภาพที่ 4.2) โดยผลผลิต

                       ไฮโดรเจนของการหมัก POME อย่างเดียวอยู่ที่ 49.25±3.81 mL-H /g-VS added  ซึ่งก็ไม่แต่กต่างอย่าง
                                                                              2
                       มีนัยส้าคัญเมื่อเทียบกับที่มีการผสม POME ผสมอยู่ตั้งแต่ร้อยละ 40 ขึ้นไป
                                                                                                    ุ
                              ผลการทดลองสามารถยืนยันได้ว่าเมื่อใช้อัตราส่วนผสมระหว่าง POME และสาหร่ายพงชะโด
                       ที่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดปฏิสัมพนธ์เชิงบวก (Positive  synergisms) ซึ่งเป็นผลให้เกิดการผลิต
                                                   ั
                                                                ั
                       ไฮโดรเจนได้สูงขึ้นอย่างมีนัยส้าคัญ โดยปฏิสัมพนธ์เชิงบวกที่ส้าคัญได้แก่ อตราส่วนปริมาณสาร
                                                                                        ั
                                                                                  ั
                       คาร์บอนต่อไนโตรเจน (C/N  ratio)  ที่เหมาะสมที่พบในงานวิจัยนี้ช่วงอตราส่วนผสมที่มี POME  ต่อ
                               ุ
                       ส่าหร่ายพงชะโดช่วง 40:60-90:10 คือช่วงที่มีค่า C/N ratio ของซับสเตรตรวมอยู่ในช่วง 21.8-27.7
                       (ตารางที่ 4.3) มีความเข้มข้นของสารยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ต่้า และค่า pH ในระบบการ
                       หมักที่เหมาะสม ซึ่งอยู่ในช่วง 5.15-5.49 ดังแสดงในตารางที่ 4.2
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52