Page 211 - 006
P. 211

200


                   ไข่ในแง่ความเชื่อเรื่องการหลุดพนเป็นที่พงสุดท้าย พระองค์องค์ทรงมีทัศนะว่าไข่เป็นโลกที่
                                                        ึ่
                                                ้
                                                                 19
                   คุมขังสิ่งมีชีวิตไว้ที่ต้องแตกออกเพื่อปลดปล่อยผู้รู้แจ้ง
                          นอกจากการตีความดังกล่าวแล้ว นักวิชาการบางท่านได้เสนอว่าโดมซึ่งมีลักษณะ
                   เป็นภาชนะหรือหม้อที่เรียกว่า กุมภะ (Kumbha) ทำหน้าที่เป็นโกศในการเก็บพระบรม

                   สารีริกธาตุของพระพทธเจ้า โดยกุมภะดังกล่าวนี้ถูกเอาไปโยงกับปูรณฆฏะ (Purna-ghata)
                                      ุ
                   หรือหม้อแห่งความอุดมสมบูรณ์ในศาสนาฮินดูว่า ปูรณฆฏะบรรจุน้ำอมฤต (Amrta) หรือน้ำ

                   ทิพย์ของเทพเจ้า แต่กุมภะ (ซึ่งมีลักษณะเป็นภาชนะเช่นเดียวกัน) ได้บรรจุธรรมะ (คือพระ
                   ธาตุของพระพทธเจ้า) อันจะนำพาให้พทธศาสนิกชนไปสู่ความเป็นอมตะ คือ นิพพาน (การ
                                                     ุ
                                ุ
                   ไร้ซึ่งความตาย-การเกิดอีกต่อไป) เช่นเดียวกัน
                                                           20

                          สถาปัตยกรรมถ้ำ

                          เป็นสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะการตัดหรือเจาะเข้าไปในภูเขา อาจได้รับอิทธิพลมา
                   จากวัฒนธรรมเปอร์เซีย เนื่องจากราชสำนักเปอร์เซียมีความสัมพันธ์กับอินเดียมาตั้งแต่สมัย
                   แรกเริ่มประวัติศาสตร์ แต่การขุดถ้ำเข้าไปในภูเขาของเปอร์เซียมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสุสาน

                   ในขณะที่ในอินเดียทำขึ้นเพื่อใช้เป็นศาสนสถาน
                          โดยทั่วไป สถาปัตยกรรมถ้ำจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ ถ้ำเจติยสถาน (Chaitya Hall)

                   หรือ เจติยะคฤหะ (Caitya grฺha) และถ้ำวิหาร (Vihara) ถ้ำเจติยสถานจะมีความสำคัญกว่า
                   ถ้ำวิหาร เนื่องจากใช้เป็นที่ชุมนุม หรือที่ประชุมของคณะสงฆ์ จะมีผัง 2 แบบ คือ รูปกลม
                   และสี่เหลี่ยมผืนผ้าปลายมน

                          ผังรูปกลม เป็นลักษณะของเจติยสถานแบบโบราณ มักมีขนาดเล็กและแคบ หลังคา
                   รูปโดมสูง มีทั้งที่สลักหินเลียนแบบเครื่องไม้เป็นโครงหลังคา และแบบที่ไม่มีโครงหลังคา

                   ภายในมีสถูปที่มักสลักจากหิน (ตัวสถูป) มีผังรูปกลม ส่วนล่างเป็นทรงกระบอก ส่วนบนเป็น
                   องค์ระฆังรูปครึ่งวงกลม ขนาดไม่ใหญ่นัก ภายในเจติยะคฤหะไม่มีเครื่องประดับตกแต่งใดๆ
                                                                                                  21
                   ตัวอย่างถ้ำที่มีผังเช่นนี้คือ ถ้ำสุทามะ (Sudama) และถ้ำโลมาส ฤาษี (Lomas Rishi)

                                                                  ั
                          ผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าปลายมน เป็นรูปแบบพฒนาต่อเนื่องมา มีหลังคารูปร่างคล้าย
                   ถังผ่าครึ่ง ที่ด้านในสุดมีสิ่งก่อสร้างรูปกลมแบบสถูปเรียก ธาตุครรภเจดีย์ แผนผังนี้เลียนแบบ

                   มาจากที่อยู่อาศัยในสมัยนั้น เป็นการนำห้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและห้องรูปกลมรวมกัน
                   หลังคารูปร่างคล้ายถังผ่าครึ่งนี้ในช่วงแรกๆคงมีโครงที่สร้างด้วยไม้ไผ่ และไม้ แต่ปัจจุบัน
                   เสื่อมสลายไปหมดแล้ว ต่อมาจึงมีการสลักหินเลียนแบบเครื่องไม้

                          ส่วนถ้ำวิหาร (Vihara) เป็นที่อยู่ของสงฆ์ บางครั้งจึงเรียกว่าสังฆาราม วิหารจะถูกขุด
                   เข้าไปในถ้ำและอยู่ใกล้เคียงกับส่วนที่เป็นเจติยสถาน ลักษณะโครงสร้างจะเป็นสิ่งก่อสร้างชั้น

                   เดียวประกอบด้วยห้องเล็กๆหลายห้อง ซึ่งเปิดออกสู่ลานหรือสวนของศาสนสถาน วิหารของ
                                                                      ั
                   หินยานประกอบด้วยห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างและมีห้องพกเล็กๆประกอบอยู่ 3 ด้าน ส่วน


                          19  เอเดรียน สนอดกราส. สัญลักษณ์แห่งพระสถูป, หน้า 189.
                          20  Peter Harvey. The Symbolism of the Early Stupa, p. 72.
                          21  จิรัสสา คชาชีวะ. โบราณคดีอินเดีย, หน้า 306.
   206   207   208   209   210   211   212   213   214   215   216