Page 187 - 006
P. 187

176


                                               ์
                   ของสวยๆงามๆ และผลิตภัณฑที่สร้างขึ้นมาเพื่อชนชั้นนำเท่านั้น จากความต้องการดังกล่าวนี้
                   เองทำให้ช่างฝีมือในแขนงต่างๆได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่าง
                   ชัดเจนจากงานประเภทศิลปกรรมที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้
                          • ศาสนา ในช่วงเวลาการปกครองที่ยาวนานของอักบาร์นั้น ในระยะแรกพระองค์

                   สนับสนุนให้มีการให้ความรู้ในเรื่องศาสนาอิสลามในราชสำนักอย่างจริงจัง เห็นได้อย่างชัดเจน
                   คือ การก่อตั้งอิบาดัต-คานา (Ibadat-Khana) หรือ เรือนแห่งสักการะ (House of Worship)

                                            ื่
                   โดยจุดประสงค์ที่สร้างขึ้นเพอใช้เป็นที่ชุมนุมของนักการศาสนาไว้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือ
                   การถามตอบด้านปรัชญาและเทววิทยาในศาสนาอิสลาม แต่ในความเป็นจริงกลับมีการกล่าว
                                                                                                     11
                   ร้ายกันด้วยความหยาบคาย และไม่สามารถตอบคำถามบางอย่างให้พระเจ้าอักบาร์พึงพอใจได้
                   จากสิ่งที่เกิดขึ้นไม่สามารถตอบสนองจิตวิญญาณอันมีความอยากรู้อยากเห็นของพระองค์ได้
                   พระองค์จึงได้เชิญผู้รู้ในศาสนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักปรัชญาฮินดู นักบวชในศาสนาเชน นักบวช

                   ปาร์ซีแห่งโซโลเอสเตอร์ (Zoloaster) และมิชชันนารีในศาสนาคริสต์มายังเรือนแห่งสักการะ
                   การเรียนรู้ในศาสนาอื่นๆผ่านการสนธนาธรรมและถกเถียงกันเช่นนี้ ค่อยๆเป็นผลทำให้พระองค์
                   เป็นผู้ที่มีคตินิยมสรรผสาน  (electicism) และประกาศใช้ศาสนาใหม่คือ ดิน-ไอ-อิลาฮี (Din-i-
                                          12
                   Ilahi) ในเวลาต่อมา แต่ไม่ได้รับความนิยมนัก เนื่องจากพระองค์ไม่ได้บังคับให้คนเข้ารับศาสนา
                   ใหม่นี้แต่ดึงดูดไปที่ความรู้สึกภายในของมนุษย์

                          ศาสนาใหม่นี้เป็นการรวมความคิดจากหลายศาสนาเข้าด้วยกัน หลักสำคัญคือ มีพระเจ้า
                   องค์เดียว แต่ให้บูชาพระอาทิตย์ ดวงดาว และไฟได้ การบูชาเป็นเรื่องของบุคคลไม่ต้องมีผู้ทำพิธี
                                         13
                   หรือคนกลางแต่อย่างใด  และเนื่องจากศาสนาใหม่นี้ถือว่ากษัตริย์เป็นผู้นำสูงสุดและเป็น
                   สื่อกลางระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับมนุษย์ จึงทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจของอุลามา (Ulama)
                   หรือผู้รู้ในศาสนาอิสลาม เพราะทำให้อิสลามถูกลดความสำคัญลง

                          ความใจกว้างในเรื่องศาสนาของอักบาร์อาจมาจากการที่ในสมัยที่พระองค์ยังลี้ภัยอยู่ที่
                                                     ี
                   คาบุล ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนในนิกายซูฟ (Sufi) และพระอาจารย์ของพระองค์คือ อับดุล ลาตีฟ
                   (Abdul Latif) เป็นผู้ที่ปลูกฝังความคิดในเรื่องเสรีนิยม (liberal) ให้พระองค์ตั้งแต่ยังทรงพระ

                   เยาว์ ประจวบกับการที่มีพระมเหสีองค์หนึ่งซึ่งเป็นเจ้าหญิงจากราชปุต ทำให้พระองค์ได้ติดต่อ
                   สัมพนธ์กับชาวฮินดู จึงก่อให้เกิดการยอมรับในศาสนาอื่นๆได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม ความ
                       ั
                   พยายามของอักบาร์ในการที่จะทำให้อินเดียมีเอกภาพโดยอาศัยศาสนาก็ไม่ประสบความสำเร็จ
                   นัก


                   ศาสนาซิกข์
                          คำว่า ซิกข์ เป็นภาษาปัญจาบี ตรงกับภาษาสันสกฤตว่า ศิษยะ และตรงกับภาษาบาลีว่า

                   สิกขะ แปลว่าศิษย์ หรือผู้ศึกษาเล่าเรียน ดังนั้น ชาวซิกข์จึงมีฐานะเป็นศิษย์ของคุรุหรือศาสดา



                          11  R.C. Majumdar. An Advanced History of India, p. 458.
                          12  คตินิยมสรรผสาน (electicism) เป็นแนวความคิดที่ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นในปรัชญาใดปรัชญาหนึ่งอย่างแน่วแน่ แต่จะดึงหลัก
                   ทฤษฎีหรือหลักในบางเรื่องมาใช้
                          13  สาวิตรี เจริญพงศ์. ภารตารยะ อารยธรรมอินเดียตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงหลังได้รับเอกราช, หน้า 173.
   182   183   184   185   186   187   188   189   190   191   192