Page 217 - 054
P. 217
196
ั
็
ความว่า “ผู้ศรทธาทั้งหลาย! การเปนพยานระหว่างพวกเจ้า
ื่
เมอความตายได้มายังคนหนงคนใดในพวกเจ้า ขณะมการท า
ี
ึ
่
ู
ี่
พินัยกรรมนั้น คอสองคนทเปนผู้เทยงธรรมในหม่พวกเจ้า”
ี่
็
ื
ฺ
่
ึ
ิ
ี่
(อัลมาอดะฮ: ส่วนหนงของอายะฮท 106)
ฺ
ื
ี
ี่
2.หากผู้ท าพินัยกรรมมความประสงค์ทจะเปลยนแปลงหรอยกเลกพินัยกรรมถอว่า
ิ
ื
ี่
ิ
ี
สามารถกระท าได้โดยไม่ขัดแย้งกับบทบัญญัตแต่แต่ประการใด เพราะพินัยกรรมนั้นจะมผลบังคับ
ี
ี
ี่
ิ
ิ
็
ใช้ภายหลังจากทผู้ท าพินัยกรรมได้เสยชวิตลงและหลังจากเสรจส้นการช าระหน้ ีสนของผู้ตาย
้
ี่
ี
เรยบรอยแล้ว ดังหลักฐานจากอัลกุรอานทว่า
ٍ ِ ِ
ِ
﴾ ٍ نيد وَأ ابِ نوصوت ةَّ يصو دع ب نم ِ ﴿
ُ
َ
ُ
َْ ْ َ
َ َْ ْ
٠
١
( ةيآ نم ءزج : ءاسنلا)
ื
ี
ี่
ความว่า “หลังจากพินัยกรรมทถกสั่งเสยไว้หรอหลังจาก
ู
ิ
หน้สน”
ี
ฺ
ี่
ึ
(อันนสาอ์ : ส่วนหนงของอายะฮท 12)
่
ิ
่
ี่
ึ
ั
ิ
3.การท าพินัยกรรมจะต้องไม่เกินหนงในสามของทรพย์สนทั้งหมด ดังทมรายงาน
ี
ุ
ู
ู
จากท่านอบหรอยเราะฮ ฺ ว่า ท่านเราะสล ได้กล่าวว่า
ِ
ِ
ِ
ِ
ِ
ِ
ِ ِ
ف مُ كَ ل ةديَز مُ كلاومَأ ثُ ل ثب مُ كتافو دنع مُ كيَ لع قَّ دصت َّ للَّا َّ نإ))
َ َْ
ْ ْ َ َ
َ
ُ
ًَ َ ْ َْ
َ َ
ْ
َ
ْ
ِ
(( مُ كلامعَأ
ْ
ْ
َ
(١٣١٩ : ٠٩٩٣ ،ةجام نبا هجرخأ)
่
ฺ
ึ
ิ
ความว่า “แท้จรงอัลลอฮได้ทรงมอบให้แก่พวกเจ้าหนงในสาม
ี
ั
ี่
ี
จากทรพย์สนของพวกเจ้าตอนทพวกเจ้าเสยชวิต เพื่อเพิ่มความ
ิ
ี
ดของพวกเจ้า ทั้งน้เพื่อพระองค์จะได้ทรงเพิ่มผลงานของพวก
ี
เจ้า”
(Ibn Majah, 1997: 2709)

