Page 84 - 032
P. 84

64







                                                        ี
                                                                                              ั
                                     3.5.2 การสังเกตแบบมส่วนร่วม (Participation Observation) บางคร้งเรยกว่า การ
                                                                                                 ี
                                                          ื
                                                                                                        ็
                                                                       ิ
                                                                         ุ
                       สังเกตุภาคสนาม (Field Observation) หรอการสังเกตเชงคณภาพ (Qualitative Observation) เปน
                                                                 ุ
                                   ิ
                                                                              ี
                                                                         ึ
                                                                       ี่
                       การสังเกตชนดทผู้สังเกตเข้าไปใช้ชวิตร่วมกับกล่มคนทศกษา มการร่วมกระท ากิจกรรมด้วยกัน
                                     ี่
                                                      ี
                       และพยายามให้คนในชมชนนั้นยอมรบว่า ผู้สังเกตมuสถานภาพบทบาทเช่นเดยวกับตน
                                                          ั
                                             ุ
                                                                                                 ี
                                                                   ุ
                       ความส าคัญของผู้สังเกตที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับกล่มคนที่ศึกษา ซงสามารถท าได้โดยอาศัยอยู่ใน
                                                                               ่
                                                                               ึ
                                                               ี
                                                             ี
                                                     ื
                                                          ็
                                                 ็
                                 ็
                                                                   ู
                                                                                        ุ
                                                                       ี
                                                                      ี
                        ุ
                                                                   ้
                       ชมชนนั้นเปนเวลานานแม้จะเปนเดอน เปนป เรยนรวิถชวิต การอาศัยอยู่ในชมชนช่วยให้ผู้สังเกต
                                                                                                        ิ
                                    ี
                                              ี
                       การได้รายละเอยดเกี่ยวกับชวิตประจ าวันและกิจกรรมต่างๆ ของคนในสังคม (สภางค์ จันทวานช,
                                                                                           ุ
                       2548)
                                                     ์
                                     3.5.3 การสัมภาษณ (Interview)  จะได้ข้อมลที่ศึกษามากกว่าแบบสอบถาม(Evans,
                                                                         ู
                                                     ู
                             ่
                             ึ
                                                                                                ี
                       1985) ซงต้องใช้เวลามาก  จะได้ข้อมลเฉพาะเจาะจงตามที่ต้องการ สามารถลงรายละเอยดประเด็น
                                                                ็
                                                    ิ
                                                         ิ
                                                           ี่
                                                                    ื
                                           ์
                       ส าคัญ ข้อมลที่สัมภาษณจะช่วยอธบายส่งทพบเหนหรอสังเกตแต่ยังไม่เข้าใจท าให้เกิดความเข้าใจ
                                ู
                       มากมากยิ่งขึ้น (สภางค์ จันทวานช, 2548) การสัมภาษณที่เปนแหล่งทมาและใช้มากทสด ผู้วิจัยต้อง
                                                                                              ี่
                                                  ิ
                                                                                               ุ
                                                                     ์
                                                                        ็
                                     ุ
                                                                                ี่
                                                                   ี
                       พบปะติดต่อส่วนบุคคลกับกล่มตัวอย่างที่ศึกษาและมโอกาสทจะส ารวจเรองทศกษาได้อย่างล่มลก
                                                                                    ื่
                                                                                        ี่
                                                                                                      ุ
                                                                                                        ึ
                                                                           ี่
                                                ุ
                                                                                          ึ
                       ในการสัมภาษณผู้วิจัยต้องมทักษะ ความสัมพันธ์กับบคคลทด  รปแบบคณภาพของข้อมลทได้นั้น
                                                                                                 ู
                                                                         ี่
                                                                                                    ี่
                                                                             ู
                                              ี
                                                                           ี
                                                                                    ุ
                                    ์
                                                                    ุ
                       ขึ้นอยู่กับว่าผู้ให้สัมภาษณมลักษณะอย่างไร ต้องตัดสนใจหลายอย่างเกี่ยวกับการสัมภาษณ เช่น
                                             ์
                                               ี
                                                                                                      ์
                                                                     ิ
                                                                                    ึ
                       ค าถามที่ใช้ การถามอะไรก่อนหลังการใช้ถอยค าในค าถาม การถามเจาะลก   การติดตามหลังค าถาม
                             ี
                       การเตรยมบทบาทและทักษะของผู้สัมภาษณ รปแบบการสัมภาษณไม่ว่าจะเปนการสัมภาษณเปน
                                                                                ์
                                                            ์
                                                              ู
                                                                                                      ์
                                                                                                        ็
                                                                                         ็
                                                                                                        ุ
                       รายบคคลหรอสนทนากล่มเฉพาะเจาะจง (Focus Groups) โดยที่ ไวสท์ (Whitt, 1991) สนับสนน
                                  ื
                                             ุ
                           ุ
                       อย่างมากในการใช้เทคนคการสัมภาษณในการเก็บข้อมล ซงลักษณะการสัมภาษณม 3 ประเภท คือ
                                                                        ึ
                                                                        ่
                                           ิ
                                                                                             ี
                                                                                            ์
                                                        ์
                                                                     ู
                       1) สนทนาไม่เปนทางการ ก่อให้เกิดค าถามค าตอบอย่างเปนธรรมชาติ มความเคลอนไหวของการ
                                                                                    ี
                                                                        ็
                                                                                            ื่
                                    ็
                                                                                          ู
                       ปฏสัมพันธ์เปนธรรมชาตเกิดขึ้นจากการลงภาคสนามและผู้ให้ข้อมลจะไม่รสกตัวว่าก าลังถก
                                             ิ
                                                                                            ึ
                                                                                   ู
                                   ็
                                                                                                        ู
                         ิ
                                                                                          ้
                                                                                   ี่
                                                                                ็
                               ์
                                                                         ื
                                                               ์
                                   ี
                                          ็
                       สัมภาษณ 2) มค าถามเปนเครองน าการสัมภาษณ เค้าโครงหรอประเดนทจะต้องถามก่อน ถามสลับ
                                               ื่
                                                                      ี
                                   ี
                       ไปมาไม่ต้องเรยงล าดับและ 3) ค าถามปลายเปด ค าถามมไว้ล่วงหน้า ตั้งใจให้ได้ค าตอบโดย
                                                             ิ
                       เรยงล าดับ
                        ี
                                                   ี
                                                              ี
                                                                                         ้
                                                ั
                                                                          ์
                                                                                  ี
                                     ในการวิจัยคร้งน้ผู้วิจัยได้ใช้วิธการสัมภาษณแบบไม่มโครงสราง (Non-Structured
                                                                                                 ่
                                                                                                  ึ
                                                                                                    ็
                       Interview) โดยการเลอกผู้ให้ข้อมลส าคัญ (Key Informant) (สภางค์ จันทวานช, 2548) ซงเปนการ
                                                                           ุ
                                         ื
                                                                                        ิ
                                                   ู
                                                           ็
                                                                                                    ็
                               ์
                                                              ี่
                                              ู
                                                                         ์
                                                   ี
                                                                                  ู
                       สัมภาษณที่ผู้วิจัยได้เก็บข้อมลเตรยมประเดนทจะสัมภาษณแหล่งข้อมลไว้ในใจ  แต่ไม่จ าเปนต้อง
                                               ิ
                                                         ็
                                 ี่
                       เรยงล าดับทจะสัมภาษณ  เรมต้นประเดนใดก่อนหลังก็ได้ตามสถานการณในขณะนั้นจะอ านวย
                                                                                       ์
                        ี
                                            ์
                                                   ู
                                                                                 ิ
                                                                                                     ู
                                     4.3 การเก็บข้อมลจากแบบสอบถาม   ผู้วิจัยได้ด าเนนการเก็บรวบรวมข้อมลจาก
                                                                                      ิ
                       ประชาชน  ในวัตถประสงค์เกี่ยวกับความต้องการในการจัดการการศึกษาอสลามในด้านการศึกษา
                                      ุ
   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89